คณะกรรมการเพื่อการพัฒนาและปฏิรูปแห่งชาติของจีน (NDRC) คาดการณ์ว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ซึ่งเป็นดัชนีวัดเงินเฟ้อที่สำคัญ จะชะลอตัวลงต่ำกว่าระดับ 5% ในเดือนธ.ค. เนื่องจากรัฐบาลจีนประกาศใช้มาตรการควบคุมราคาสินค้า
NDRC กล่าวว่า มาตรการควบคุมราคาสินค้าของรัฐบาลจีนเริ่มเห็นผลแล้ว โดยราคาสินค้าประเภทต่างๆ รวมถึงพืชผัก ธัญพืช และน้ำมันปรุงอาหาร ปรับตัวลงถ้วนหน้า ซึ่งสถานการณ์ดังกล่าวจะช่วยให้ดัชนี CPI เดือนธ.ค.ลดลงราว 1% อย่างไรก็ตาม NDRC เตือนว่า ดัชนี CPI อาจพุ่งขึ้นอีกในช่วงไตรมาสแรกของปีหน้า
การคาดการณ์ของ NDRC มีขึ้นหลังจากสำนักงานสถิติแห่งชาติของจีน (NBS) เปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ซึ่งเป็นดัชนีวัดเงินเฟ้อที่สำคัญ พุ่งขึ้น 5.1% ในเดือนพ.ย. ทำสถิติพุ่งขึ้นสูงสุดในรอบ 28 เดือน จากเดือนต.ค.ที่ระดับ 4.4% ส่วนดัชนี CPI โดยรวมในช่วงเดือนม.ค.-พ.ย. เพิ่มขึ้น 3.2% ต่อปี ซึ่งสูงกว่าเป้าหมายของรัฐบาลจีนที่กำหนดไว้สำหรับปี 2553 ที่ระดับ 3%
NBS ระบุว่า ปัจจัยที่ทำให้ดัชนี CPI เดือนพ.ย.พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 28 เดือนนั้น มาจากราคาอาหารที่ปรับตัวสูงขึ้นถึง 11.7% ในเดือนพ.ย. ซึ่งราคาอาหารคิดเห็นสัดส่วน 1 ใน 3 ของหมวดสินค้าที่นำมาคำนวนดัชนี CPI
ราคาสินค้าที่สูงขึ้นทำให้รัฐบาลจีนประกาศใช้มาตรการต่างๆเพื่อควบคุมเงินเฟ้อ โดยล่าสุดเมื่อวันศุกร์ ธนาคารกลางจีนประกาศเพิ่มเพดานการกันสำรองสภาพคล่องของธนาคารพาณิชย์อีก 0.5% โดยให้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 20 ธันวาคมเป็นต้นไป ซึ่งเป็นการประกาศเพิ่มเพดานกันสำรองครั้งที่ 6 ในปีนี้ เพื่อควบคุมเงินเฟ้อและผลกระทบที่เกิดจากการปล่อยเงินกู้จำนวนมากของธนาคารพาณิชย์ สำนักข่าวซินหัวรายงาน