ฐานการผลิตน้ำมันขนาดใหญ่แห่งแรกในบ่อน้ำมันฉงชิ่งของบริษัทปิโตรไชน่า (PetroChina) จะเริ่มดำเนินการผลิตได้ในเร็วๆ นี้ ขณะที่โรงงานผลิตน้ำมัน No. Seven Oil Pumping Plant ของบริษัท ซึ่งมีกำลังการผลิตเหล็กดิบต่อวันที่ 3,600 ตันจะช่วยทำให้บริษัทมีผลผลิตน้ำมันดิบโดยรวมที่ 1 ล้านตันภายในวันที่ 28 ธันวาคม 2553
ทั้งนี้ ผู้อำนวยการโรงงาน No. Seven Oil Pumping Plant กล่าวว่า โรงงานแห่งนี้มีกำลังการผลิตน้ำมันต่อปีที่ 200,000 ตันนับตั้งแต่ปี 2547
-- ข้อมูลล่าสุดจากสำนักงานสถิติแห่งชาติของจีน (NBS) ระบุว่า ผลผลิตน้ำมันดิบของจีนในเดือนพ.ย.พุ่งขึ้นแตะที่ 17.52 ล้านตัน ซึ่งเพิ่มขึ้น 11.8% เมื่อเทียบเป็นรายปี แต่ปรับตัวลดลงเล็กน้อยจากระดับ 17.75 ล้านตันในเดือนต.ค. โดยผลผลิตน้ำมันดิบของจีนในเดือนพ.ย.เพิ่มขึ้นสูงสุดเป็นเดือนที่ 2 ต่อเนื่องจากเดือนต.ค.ที่มีกำลังการผลิตน้ำมัน 17.75 ล้านตันต่อปี
นอกจากนี้ ข้อมูลจากสำนักงานสถิติบ่งชี้ด้วยว่า ผลผลิตน้ำมันดีเซลพุ่งทำสถิติสูงสุดแตะระดับใหม่ที่ 14.18 ล้านตันในเดือนพ.ย. ซึ่งเพิ่มขึ้น 14% เมื่อเทียบเป็นรายปี โดยส่วนใหญ่เป็นผลจากความพยายามของรัฐบาลในการควบคุมภาวะขาดแคลนน้ำมันดีเซล ขณะที่น้ำมันดิบในประเทศอยู่ที่ระดับ 36.65 ล้านตัน เพิ่มขึ้น 10.3% จากปีก่อนหน้านี้
-- ไชน่า ปิโตรเคมิคอล กรุ๊ป (ซิโนเปค กรุ๊ป) ผู้กลั่นน้ำมันรายใหญ่ที่สุดของจีนเผยว่า บริษัทเห็นพ้องที่จะซื้อกิจการบริษัทสัญชาติอาร์เจนติน่าที่อยู่ในเครือของ U.S. Occidental Petroleum Corp ในวงเงิน 2.45 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
ทั้งนี้ ซิโนเปคเผยว่า การซื้อกิจการในครั้งนี้จะครอบคลุมถึงสินทรัพย์ทั้งหมดของ Occidental Argentina
-- ปิโตรไชน่าลงนามข้อตกลงจัดหาน้ำมันระยะ 1 ปีกับบริษัท Dongfeng Commercial Vehicle Company
ซีเอ็นพีซี ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของ Dongfeng Commercial Vehicle Company เปิดเผยบนเว็บไซต์ว่า ข้อตกลงการจัดหาน้ำมันของทั้งสองบริษัทนับเป็นข้อตกลงฉบับที่ 4 แล้ว ซึ่งข้อตกลงดังกล่าวระบุว่า บริษัท PetroChina Hubei Shiyan Sales Company จะดำเนินการจัดหาน้ำมันเบนซินและดีเซลให้กับสำนักงานขายรถเชิงพาณิชย์ของ Dongfeng ที่กระจายอยู่ทั่วประเทศจีน
-- แถลงการณ์ที่เผยแพร่หลังการประชุม Central Economic Work Conference ระบุว่า จีนเล็งปรับปรุงและพัฒนาข้อบังคับด้านเศรษฐกิจมหภาคเพื่อสร้างความเชื่อมั่นในการกระตุ้นการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งและมีเสถียรภาพในปีหน้า
แถลงการณ์ของรัฐบาลระบุว่า ข้อบังคับด้านการกำกับดูแลเศรษฐกิจมหภาคในปีหน้าจำเป็นต้องระบุถึงแนวทางการกระตุ้นเศรษฐกิจในเชิงรุก มีเสถียรภาพ มีความรอบคอบ และยืดหยุ่นเป็นปัจจัยพื้นฐาน และมุ่งเน้นที่การรับมือในการสร้างความสมดุลระหว่างการพัฒนาเศรษฐกิจที่มีเสถียรภาพและการเดินหน้าเศรษฐกิจที่รวดเร็วควบคู่กันไป รวมไปถึงการปรับโครงสร้างทางเศรษฐกิจและการคาดการณ์ด้านเงินเฟ้อในเชิงรุกภายใต้การดำเนินงานอย่างเด็ดขาด
ผู้เข้าร่วมการประชุมในครั้งนี้ซึ่งจัดขึ้นเป็นเวลา 3 วัน และเป็นหนึ่งในการประชุมเพื่อกำหนดนโยบายเศรษฐกิจที่สำคัญที่สุดของจีนเห็นตรงกันว่า รัฐบาลควรเพิ่มความพยายามในการควบคุมราคาสินค้าให้มีเสถียรภาพในปีหน้า
ทั้งนี้ ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ของจีนพุ่งแตะระดับสูงสุดในรอบ 28 เดือนที่ระดับ 5.1% ในเดือนพ.ย. และดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) สำหรับผลผลิตอุตสาหกรรมของจีนขยายตัว 6.1% เมื่อเทียบเป็นรายปีในเดือนพ.ย. เมื่อเทียบกับที่เพิ่มขึ้น 5.0% ในเดือนต.ค.