นพ.มารุต มัสยวาณิช รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.)เห็นชอบในหลักการและแนวทางการดำเนินการโครงการอาสาสมัครที่ปรึกษาทางการเงินครัวเรือน(หมอหนี้)ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ โดยในส่วนของงบประมาณในการดำเนินการให้ขอทำความตกลงในรายละเอียดกับสำนักงบประมาณต่อไป
กระทรวงการคลัง (กค.) รายงานว่า โครงการอาสาสมัครที่ปรึกษาทางการเงินครัวเรือน (หมอหนี้) มีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างและพัฒนาบุคลากรอาสาสมัครในการทำหน้าที่ให้ความช่วยเหลือแนะนำให้ประชาชนได้มีความรู้ ความเข้าใจในการจัดการทางการเงิน การจัดทำบัญชีครัวเรือนของครอบครัวและกลุ่มผู้มีรายได้น้อยและกลุ่มเกษตรกรซึ่งใช้บริการหนี้นอกระบบได้อย่างเหมาะสม, เพื่อสร้างและพัฒนาบุคลากรอาสาสมัครในการทำหน้าที่เป็นคนกลางในการสื่อสาร ข้อมูลข่าวสาร และเอื้ออำนวยให้ประชาชนในระบบเศรษฐกิจฐานราก กลุ่มเกษตรกร และคนยากจน สามารถเข้าถึงและใช้บริการของสถาบันการเงินในระบบ และเพื่อเป็นกลไกในการฟื้นฟูและเสริมสร้างวัฒนธรรมด้านการออม ซึ่งจะช่วยสร้างพื้นฐานที่แข็งแกร่งในการพัฒนาคุณภาพชีวิตในระดับชุมชนได้อย่างยั่งยืน
สำหรับบทบาทหน้าที่หลักของอาสาสมัครที่ปรึกษาทางการเงินครัวเรือน หรือ หมอหนี้ คือ ให้คำปรึกษาแนะนำรวมถึงช่วยวางแผนในการแก้ไขปัญหาหนี้สินและปัญหาหนี้นอกระบบของคนในชุมชน การเข้าถึงแหล่งเงินทุนในระบบ การบริหารจัดการเงินตามหลักเศรษฐกิจพอเพียง รวมถึงการให้ความรู้ในการจัดทำ“บัญชีครัวเรือน"
รวมทั้งเป็นสื่อกลางการเชื่อมโยงแหล่งเงินทุนในชุมชน รวมถึงสถาบันการเงินให้กับประชาชนที่ด้อยโอกาส และผู้ที่มีปัญหาหนี้นอกระบบและเป็นสื่อกลางในการเสริมสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องระหว่างชุมชนกับองค์กรภาครัฐและสถาบันการเงิน
โครงการอาสาสมัครที่ปรึกษาทางการเงินครัวเรือน จะมีสถาบันการเงินเฉพาะกิจ 2 แห่งเข้าร่วมโครงการ คือ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) มีเป้าหมายที่จะสร้างอาสาสมัครที่ปรึกษาทางการเงินครัวเรือน (หมอหนี้) จำนวน 26,000 ราย ในปี 2554 และ ธนาคารออมสิน มีเป้าหมายที่จะสร้างอาสาสมัครที่ปรึกษาทางการเงินครัวเรือน(หมอหนี้) จำนวน 62,000 ราย ในปี 2554
สถาบันการเงินเฉพาะกิจทำการคัดเลือกหมอหนี้จากกลุ่มที่มีศักยภาพที่จะเป็นหมอหนี้ เช่น ผู้นำชุมชนหรือผู้ที่ประชาชนในหมู่บ้านให้การยอมรับนับถือ เครือข่ายเกษตรกรลูกค้าของ ธ.ก.ส., ให้การฝึกอบรมให้ความรู้และศึกษาดูงานในเรื่องความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับการดำรงชีวิตในสภาพเศรษฐกิจ สังคมปัจจุบัน และความรู้เฉพาะด้าน เพื่อสามารถทำหน้าที่หมอหนี้ เช่น การจัดทำบัญชีครัวเรือน หลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง เทคนิคการแก้ไขปัญหาด้านการเงิน เป็นต้น
รวมทั้ง ให้มีการกำกับ ติดตาม ดูแล และประเมินผลการทำหน้าที่ของหมอหนี้ และให้ธนาคารรับฟังปัญหาอุปสรรคที่เกิดขึ้นจากการทำหน้าที่ของหมอหนี้เป็นประจำเพื่อให้เกิดกระบวนการเรียนรู้และปรับปรุงกระบวนการทำงานอย่างต่อเนื่อง