ค่าเงินยูโรอ่อนตัวลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (14 ธ.ค.) หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ยืนยันว่าจะเดินหน้าโครงการซื้อพันธบัตร
ค่าเงินยูโรอ่อนตัวลง 0.06% แตะที่ 1.3381 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับของวันจันทร์ (13 ธ.ค.) ที่ 1.3389 ดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่ค่าเงินปอนด์ร่วงลง 0.48% แตะที่ 1.5780 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.5856 ดอลลาร์สหรัฐ
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้น 0.29% เมื่อเทียบกับเงินเยนที่ 83.640 เยน จากระดับของวันจันทร์ที่ 83.400 เยน แต่ร่วงลง 0.85% เมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ระดับ 0.9592 ฟรังค์ จากระดับ 0.9674 ฟรังค์
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้น 0.26% แตะที่ 0.9977 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับของวันจันทร์ที่ 0.9951 ดอลลาร์สหรัฐ และค่าเงินดอลลาร์นิวซีแลนด์ดิ่งลง 0.46% แตะที่ 0.7514 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7549 ดอลลาร์สหรัฐ
คณะกรรมการกำหนดนโยบายของเฟด (เอฟโอเอ็มซี) ประกาศคงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นที่ระดับ 0 - 0.25% ในการประชุมเมื่อวานนี้ (14 ธ.ค.) และยืนยันว่าจะยังคงเดินหน้าโครงการซื้อพันธบัตรของรัฐบาลสหรัฐ มูลค่า 6 แสนล้านดอลลาร์ เพื่อเป้าหมายที่จะเสริมสร้างการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและรับมือกับปัญหาอัตราว่างงานที่อยู่ในระดับสูงมาก
เฟดระบุว่า เศรษฐกิจสหรัฐยังคงฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง แต่อัตราการฟื้นตัวยังไม่มากพอที่จะทำให้จำนวนคนว่างงานปรับตัวลดลงได้ ขณะที่ตัวเลขการใช้จ่ายภาคครัวเรือนของสหรัฐเพิ่มขึ้นปานกลาง แต่ยังคงถูกจำกัดด้วยอัตราว่างงานที่สูงมาก ส่วนรายได้ของประชาชนขยายตัวปานกลาง ขณะที่ตลาดที่อยู่อาศัยยังคงซบเซา และภาคเอกชนยังคงเข้าถึงแหล่งเงินกู้ได้ยาก
กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดค้าปลีกเดือนพ.ย.ขยายตัว 0.8% จากเดือนต.ค. แตะที่ระดับ 3.787 แสนล้านดอลลาร์ ทำสถิติขยายตัวติดต่อกันเป็นเดือนที่ 5 และมากกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะขยายตัวเพียง 0.6% เพราะได้แรงหนุนจากยอดขายอาหาร เสื้อผ้า และสินค้ารายการอื่นๆ ที่เพิ่มขึ้นแข็งแกร่ง
นอกจากนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) พุ่งขึ้น 0.8% ซึ่งสูงกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ไว้ ส่วนดัชนี PPI พื้นฐานซึ่งไม่รวมราคาอาหารและพลังงาน เพิ่มขึ้น 0.3% ในเดือนพ.ย.
ทางการสหรัฐจะเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญในสัปดาห์นี้ รวมถึงจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ และดัชนีชี้นำเศรษฐกิจสหรัฐเดือนพ.ย.