สมาคมขนส่งทางอากาศระหว่างประเทศ (IATA) ประกาศทบทวนแนวโน้มภาคอุตสาหกรรมการบินประจำปี 2553 คาดทำกำไรสุทธิได้ 1.51 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นจากตัวเลขคาดการณ์ที่ระดับ 8.9 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในเดือนกันยายน พร้อมปรับเพิ่มคาดการณ์รายได้ปีนี้ขึ้นจากระดับ 5.65 แสนล้านดอลลาร์ เป็น 5.70 แสนล้านดอลลาร์
นายโจวานนี บิซิญานี ผู้อำนวยการและซีอีโอของ IATA กล่าวว่า การปรับเพิ่มคาดการณ์ผลกำไรของภาคอุตสาหกรรมการบินในครั้งนี้พิจารณาจากผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งในช่วงไตรมาส 3 ที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตาม แม้จะมีการปรับแนวโน้มเป็นบวกในปีนี้ แต่ภาคอุตสาหกรรมการบินยังคงมีอัตราส่วนกำไรสุทธิลดลง 2.7% ในปีนี้ และในปีหน้าอาจหดตัวลงสู่ระดับ 1.5%
"การฟื้นตัวในภาคอุตสาหกรรมการบินอาจหยุดชะงักลงในปีหน้า หลังจากที่ดีดตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่งในช่วงที่ผ่านพ้นภาวะถดถอย" บิซิญานีกล่าวพร้อมปรับลดคาดการณ์ผลกำไรภาคอุตสาหกรรมการบินในปี 2554 ลงมาอยู่ที่ 9.1 พันล้านดอลลาร์ โดยระบุถึงเหตุผลด้านต้นทุนเชื้อเพลิงที่แพงขึ้น การขยายตัวของผลผลิตมวลรวมภายในประเทศทั่วโลกที่ช้าลง และการจัดเก็บภาษีที่เพิ่มขึ้นอันเนื่องมาจากมาตรการรัดเข็มขัดของรัฐบาลในหลายประเทศทั่วโลก
สายการบินทั่วโลกจะยังมีผลการดำเนินงานที่แตกต่างกันออกไป โดยภาคธุรกิจการบินในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกจะสามารถขยายตัวได้แข็งแกร่ง ส่วนสายการบินในอเมริกาเหนือจะเริ่มฟื้นตัวและต้องเผชิญกับอุปสรรคจากสายการบินคู่แข่งในยุโรป
ทั้งนี้ IATA คาดว่า สายการบินในเอเชียแปซิฟิกจะทำกำไรได้สูงสุดในปีนี้ที่ระดับ 7.7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งถือเป็นภูมิภาคที่สามารถทำกำไรได้มากที่สุดในโลก ส่วนสายการบินในอเมริกาเหนือจะทำกำไรได้ 5.1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่สายการบินในยุโรปจะทำกำไรได้ 400 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ก่อนที่จะทำกำไรได้ลดลงเหลือ 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปีหน้า สำนักข่าวซินหัวรายงาน