นางศรีรัตน์ รัษฐปานะ อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยว่า ประเด็นที่ภาคเอกชนยังกังวลต่อการเปิดเสรีบริการในอาเซียน คือ การบังคับใช้และความล้าสมัยของกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจบริการของไทยในปัจจุบัน รวมถึงการส่งเสริมการทำธุรกิจ และการมีมาตรการรองรับของหน่วยงานภาครัฐที่กำกับดูแลธุรกิจบริการสาขาต่างๆ ยังไม่มีแผนงานหรือแนวทางปฏิบัติที่ชัดเจน เพราะสิ่งเหล่านี้ถือป็นปัจจัยสำคัญที่จะทำให้ผู้ประกอบการไทยสามารถแข่งขันได้เมื่อมีการเปิดเสรี
"ผู้ประกอบการยังเรียกร้องให้ภาคเอกชนรวมตันกันให้มากขึ้น เพราะส่วนใหญ่ของไทยยังเป็นผู้ประกอบการขนาดกลางและเล็ก ขาดในเรื่องของเงินทุนและการบริหารจัดการที่ดี ขณะที่ภาครัฐควรมีการบูรณาการในการทำงานร่วมกัน และมีเจ้าภาพสนับสนุน ส่งเสริมการพัฒนาอย่างจริงจัง ซึ่งเชื่อว่าจะทำให้ผู้ประกอบการไทยสามารถแข่งได้ในอาเซียน และเวทีโลก" นางศรีรัตน์ กล่าวในระหว่างการจัดเวทีสาธารณะ เพื่อรับฟังความคิดเห็นต่อร่างตารางข้อผูกพันการค้าบริการ ชุดที่ 8 ของไทยในอาเซียน
ในปีนี้อาเซียนมีเป้าหมายที่จะเปิดเสรีการค้าบริการเพิ่มเติมจากเดิม โดยต้องให้สิทธินักลงทุนอาเซียนสามารถถือหุ้นได้ไม่ต่ำกว่า 70% ใน 4 ธุรกิจบริการสาขาเร่งรัด ได้แก่ ขนส่งทางอากาศ, สุขภาพ, การท่องเที่ยว, โทรคมนาคมและคอมพิวเตอร์ แต่จนถึงขณะนี้ยังไม่สามารถเปิดเสรีได้ตามแผน เพราะต้องรอให้แต่ละประเทศแก้ไขกฎหมายภายในเพื่อรองรับการเปิดเสรีก่อน
ขณะเดียวกัน ในปี 2556 ยังมีเป้าหมายให้นักลงทุนอาเซียนสามารถถือหุ้นได้ไม่ต่ำกว่า 70% ในสาขาโลจิสติกส์ และจะเปิดเสรีครบทุกสาขาในปี 2558