นายสุทัศน์ ปัทมสิริวัฒน์ ผู้ว่าการการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย(กฟผ.) กล่าวว่า ขณะนี้สามารถคัดเลือกผู้ผลิตไฟฟ้าจากโครงการรับซื้อไฟฟ้าระบบโคเจนเนอเรชั่น(เอสพีพี) ซึ่งมีการพิจารณารับซื้อในรอบแรกจำนวน 2,000 เมกะวัตต์เสร็จเรียบร้อยสิ้นแล้ว และได้ส่งผลสรุปให้คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน(กกพ.) หรือเรคกูเลเตอร์ พิจารณาไปเมื่อ 2 สัปดาห์ก่อน
โดย กฟผ.ได้พิจารณาคัดเลือกและให้คะแนนตามความเหมาะสมจากการพิจารณาหลักเกณฑ์ต่างๆ เช่น มีระบบสายส่งรองรับเพียงพอ การใช้ไอน้ำ สถาที่ตั้ง สถานะการเงิน และการใช้เทคโนโลยี โดยได้คัดเลือกผู้ที่ผ่านเข้ารอบมาประมาณ 20 ราย
สำหรับโครงการที่ได้รับคัดเลือกให้ผลิตไฟฟ้าในโครงการนี้จะเริ่มจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบได้ตั้งแต่ปี 2558-2562 เพราะการก่อสร้างระบบสายส่งไฟฟ้าที่จะรองรับโครงการเอสพีพีนี้จะก่อสร้างเสร็จในปี 2558 ซึ่งปัจจุบันโครงการสายส่งไฟฟ้าผ่านการอนุมัติในหลักการให้ก่อสร้างจากคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ(กพช.) เมื่อปลายเดือน พ.ย.ที่ผ่านมา ขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ(สศช.) และจะต้องให้คณะรัฐมนตรีอนุมัติอีกครั้งจึงจะเริ่มก่อสร้างได้
ส่วนการเปิดให้มีการรับซื้อไฟฟ้าจากเอสพีพีโคเจนเนอเรชั่นเพิ่มอีก 1,500 เมกะวัตต์ อยู่ระหว่างรอให้ กกพ.พิจารณาว่าจะพิจารณารับซื้อจากโครงการเดิมไปแล้ว โดยใช้เงื่อนไขเดิมในการพิจารณาหรือไม่ หรือจะใช้หลักเกณฑ์การรับซื้อใหม่ ซึ่งหากใช้เงื่อนไขเดิมในการพิจารณาก็จะทำให้การพิจารณารับซื้อไฟฟ้าส่วนเพิ่มเร็วขึ้น โดยในส่วนนี้จะมีการส่งไฟฟ้าเข้าระบบในช่วงปี 2558-2562 เช่นกัน
นายสุทัศน์ กล่าวถึงกรณีที่กระทรวงพลังงานมีแนวคิดที่จะให้หยุดการจ่ายเงินชดเชยค่าไฟฟ้าอัตโนมัติ(เอฟที) ที่ยังค้างจ่ายคืนเงินให้ กฟผ.อีกประมาณ 2-3 พันล้านบาท จากเดิมคาดว่าจะใช้คืนได้หมดภายในสิ้นปีนี้ เนื่องจากต้องการให้มีการนำเงินส่วนนี้ไปลดค่าไฟฟ้าให้กับประชาชน ซึ่งหากภาระส่วนนี้ไม่มากนัก กฟผ.ก็สามารถรับภาระได้ แต่หากมีภาระมากก็จะกระทบต่อฐานะการเงินของ กฟผ.
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ยังไม่ได้รับการประสานจากกระทรวงพลังงานว่าจะมีการขยายการตรึงค่าเอฟทีออกไปถึงเมื่อไร หรือจะมีการลดค่าเอฟทีลงจำนวนเท่าไร