บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด มองแนวโน้มสินเชื่อในปี 54 ต้องยอมรับว่าอาจเผชิญแรงส่งจากหลายปัจจัยที่น่าจะลดความโดดเด่นลง จากในปีเสือปีนี้ที่กำลังจะก้าวผ่านพ้นไปนั้น อาจกล่าวได้ว่าเป็นปีที่ธุรกิจหลักของธนาคารพาณิชย์ อันได้แก่ การปล่อยสินเชื่อ สามารถทำได้ดีกว่าปีก่อนอย่างมีนัยสำคัญ โดยภาพรวมสินเชื่อของระบบธนาคารพาณิชย์ไทยสินเชื่อธุรกิจและรายย่อย เติบโตได้ดีจากปีก่อน (YoY) ปัจจัยหนุนหลัก
ทั้งนี้ ศูนย์วิจัยกสิกรไทยคาดการณ์ว่า สินเชื่อของระบบธนาคารพาณิชย์ไทยน่าจะเติบโตชะลอลงมาที่ประมาณ 5.0-7.0% YoY เทียบกับกรอบประมาณการที่ 7.0-8.5% YoY ณ สิ้นปี 53
แนวโน้มเศรษฐกิจในปี 54 ที่ชะลอลง ผนวกกับแรงส่งจากมาตรการของภาครัฐที่มุ่งกระตุ้นบางภาคธุรกิจที่ลดลง และโอกาสการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินกู้เพิ่มเติม คาดว่าจะส่งผลให้สินเชื่อของระบบธนาคารพาณิชย์ที่จดทะเบียนในไทยเติบโตในกรอบที่ชะลอลงตามมาที่ประมาณ 5.0-7.0% จากปีก่อน เทียบกับตัวเลขคาดการณ์ (ทบทวนใหม่) ที่ 7.0-8.5% ณ สิ้นปี 53
คาดว่าการปล่อยสินเชื่อธุรกิจจะมีบทบาทในสินเชื่อปล่อยใหม่สุทธิในภาพรวมมากขึ้น แม้จะยังต่ำกว่าสินเชื่อรายย่อย ท่ามกลางภาวะที่เศรษฐกิจไทยคงต้องอาศัยแรงขับเคลื่อนจากการลงทุนภาครัฐและภาคเอกชนมากขึ้น อีกทั้งยังต้องจับตาทิศทางเงินเฟ้อและราคาวัตถุดิบที่อาจขยับสูงขึ้น ซึ่งอาจมีผลในการเพิ่มความต้องการสินเชื่อประเภทเงินทุนหมุนเวียนด้วย
กระนั้นก็ดี ประเด็นด้านเงินเฟ้อดังกล่าว กลับจะกดดันอำนาจซื้อของผู้บริโภค ซึ่งเมื่อผนวกกับความต้องการบริโภคสินค้าคงทนที่ถูกดูดซับไปมากแล้วในปี 53 ที่ผ่านมา และมาตรการของภาครัฐในการดูแลการขยายตัวของกิจกรรมในภาคอสังหาริมทรัพย์ ตลอดจนผลของฐาน ก็อาจมีผลให้สินเชื่อรายย่อยหลายรายการมีโอกาสเติบโตชะลอลงค่อนข้างชัดเจนในปี 54
เป็นที่น่าสังเกตว่าเป้าหมายสินเชื่อในปี 54 ของธนาคารพาณิชย์หลายแห่งที่ทยอยประกาศออกมา ยังคงอยู่ในระดับสูงใกล้เคียงกับตัวเลขของปี 53 แม้ว่าจะเป็นอีกหนึ่งแรงผลักจากฝั่งอุปทานที่สำคัญ แต่ภาวะอุปสงค์แท้จริงหรือความต้องการสินเชื่อจากกลุ่มลูกค้าศักยภาพที่จำกัดลงก็อาจกระตุ้นให้ผู้เล่นในตลาดสินเชื่อหลายรายยังเลือกใช้กลยุทธ์ด้านราคา เพื่อช่วงชิงลูกค้าจากธนาคารพาณิชย์คู่แข่ง หรือถูกกดดันให้หาฐานลูกค้าใหม่ที่วิ่งลงสู่ระดับล่างของปิรามิดประชากรหรือผู้ประกอบการที่มีขนาดเล็กลงมากขึ้น
ทั้งการแข่งขันด้านราคาที่สูงขึ้น และการแสวงหาตลาดลูกค้าใหม่ดังกล่าว น่าจะส่งผลดีต่อลูกค้าผู้บริโภคและธุรกิจขนาดย่อม อีกทั้งสอดคล้องกับเจตนารมย์ของแผนพัฒนาระบบสถาบันการเงินฉบับที่สองที่ต้องการเพิ่มโอกาสการเข้าถึงบริการทางการเงินของผู้บริโภคมากขึ้น ท่ามกลางเงื่อนไขสำคัญที่ทิศทางเศรษฐกิจไม่ได้ผิดไปจากความคาดหมายอย่างมีนัยสำคัญ แต่สำหรับธนาคารพาณิชย์นั้น ก็คงต้องใช้ความพยายามมากขึ้นในการเพิ่มรายได้ส่วนอื่นๆ ทดแทน โดยเฉพาะรายได้ค่าธรรมเนียม เพื่อให้สามารถประคองความสามารถในการทำกำไรในปีหน้าให้อยู่ในระดับใกล้เคียงกับปีนี้