ค่าเงินยูโรร่วงลงอย่างหนักเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (15 ธ.ค.) หลังจากมูดีส์ อินเวสเตอร์ส เซอร์วิส เตือนว่าอาจจะปรับลดอันดับเครดิตสเปน รวมทั้งความกังวลที่ว่าการประชุมสุดยอดผู้นำยุโรปที่จะมีขึ้นในสัปดาห์นี้ อาจจะไม่มีข้อสรุปที่ชัดเจนในเรื่องการแก้ปัญหาหนี้ยุโรป
ค่าเงินยูโรร่วงลง 0.96% แตะระดับ 1.3255 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับของวันอังคารที่ 1.3384 ดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่ค่าเงินปอนด์ร่วงลง 1.39% แตะที่ 1.5566 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.5786 ดอลลาร์สหรัฐ
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐพุ่งขึ้น 0.72% เมื่อเทียบกับเงินเยนที่ระดับ 84.230 เยน จากระดับ 83.630 เยน และพุ่งขึ้น 0.72% เมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ 0.9664 ฟรังค์ จากระดับ 0.9595 ฟรังค์
ส่วนค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียร่วงลง 1.17% แตะระดับ 0.9874 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับของวันอังคารที่ 0.9991 ดอลลาร์สหรัฐ และค่าเงินดอลลาร์นิวซีแลนด์ดิ่งลง 1.49% แตะระดับ 0.7410 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7522 ดอลลาร์สหรัฐ
ค่าเงินยูโรร่วงลงอย่างหนักหลังจากมูดีส์ อินเวสเตอร์ส เซอร์วิส เตือนว่าอาจจะปรับลดอันดับเครดิตขั้น Aa1 ของสเปน เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับการเพิ่มขึ้นของต้นทุนการกู้ยืม ตัวเลขขาดทุนในภาคธนาคาร และยอดขาดดุลงบประมาณของรัฐบาล
แคทริน มูห์บรอนเนอร์ นักวิเคราะห์ของมูดีส์กล่าววันนี้ว่า "สเปนจำเป็นต้องระดมทุนจำนวนมาก ไม่เพียงแต่เฉพาะระดมทุนสำหรับรัฐบาลกลางเท่านั้น แต่ยังรวมถึงรัฐบาลระดับภูมิภาค และภาคธนาคารด้วย ซึ่งสถานการณ์ดังกล่าวจะส่งผลให้สเปนประสบปัญหาความตึงเครียดในการระดมทุน ส่วนอันดับความน่าเชื่อถือของสเปนนั้น มีความเป็นไปได้ว่าจะยังคงอยู่ในกรอบ "Aa" บนสมมติฐานที่ว่าสเปนยังไม่จำเป็นต้องขอรับความช่วยเหลือจากภายนอก"
นอกจากนี้ สแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ (เอสแอนด์พี) ยังได้ปรับลดแนวโน้มความน่าเชื่อถือของเบลเยี่ยมลงสู่ระดับ เชิงลบ จากเดิม มีเสถียรภาพ เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับปัญหายอดขาดดุลงบประมาณเช่นกัน
นักลงทุนวิตกกังวลว่า การประชุมสุดยอดผู้นำยุโรปที่จะมีขึ้นในวันพฤหัสบดีและวันศุกร์นี้ อาจจะไม่มีข้อสรุปที่ชัดเจนในเรื่องการแก้ปัญหาหนี้ยุโรป หลังจากเยอรมนี ซึ่งเป็นประเทศที่มีอิทธิพลทางเศรษฐกิจมากที่สุดในยุโรป ได้คัดค้านแผนการเพิ่มวงเงินในกองทุนกู้ยืมฉุกเฉินซึ่งปัจจุบันมีมูลค่า 7.50 แสนล้านยูโร และแผนการเข้าซื้อพันธบัตรรัฐบาลยุโรป
ขณะที่ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐได้แรงหนุนจากข้อมูลเศรษฐกิจที่สดใส รวมถึงดัชนีการผลิตในภาคอุตสาหกรรมเดือนพ.ย.ที่พุ่งขึ้นแตะระดับ 10.57 จุด จากเดือนต.ค.ที่ระดับ -11.14 จุด ซึ่งมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้
รวมทั้งดัชนีราคาผู้บริโภค (ซีพีไอ) ซึ่งเป็นดัชนีวัดเงินเฟ้อที่สำคัญ เพิ่มขึ้นเพียง 0.1% ในเดือนพ.ย. น้อยกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 0.2% ซึ่งบ่งชี้ว่าภาวะเงินเฟ้อในสหรัฐยังคงอยู่ในระดับต่ำ
ทางการสหรัฐจะเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญในสัปดาห์นี้ โดยวันพฤหัสบดี กระทรวงพาณิชย์จะเปิดเผยข้อมูลดุลบัญชีเดินสะพัดไตรมาส 3 และข้อมูลการเริ่มสร้างบ้านและการอนุญาตก่อสร้างเดือนพ.ย. และกระทรวงแรงงานจะเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ส่วนวันศุกร์ สำนักงานคอนเฟอเรนซ์ บอร์ดจะเปิดเผยดัชนีชี้นำเศรษฐกิจสหรัฐเดือนพ.ย.