นายโสภณ ซารัมย์ รมว.คมนาคม กล่าวภายหลังมอบนโยบายให้แก่หน่วยงานด้านขนส่งทางอากาศว่า ตนเองได้สั่งการให้ บมจ.การบินไทย(THAI) ซึ่งเป็นสายการบินแห่งชาติ วางแผนพัฒนาการให้บริการใน 2 ด้าน คือ การให้บริการเชิงพาณิชย์ และการให้บริการเชิงสังคม โดยต้องบริหารจัดการงานทั้ง 2 ด้านให้เกิดความสมดุล โดยเฉพาะการยกเลิกเส้นทางบินในประเทศนั้นต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ
นอกจากนั้นยังมอบหมายให้ THAI เข้าไปดูแลฟื้นฟูกิจการของสายการบินนกแอร์ ซึ่งเป็นสายการบินที่ THAI ถือหุ้น 39% โดยต้องพัฒนาสายการบินนกแอร์ให้เป็นไปตามแผนงานที่ได้เสนอมายังกระทรวงคมนาคม เพื่อเป็นเครื่องมือในการสร้างรายได้ให้ THAI อีกช่องทางหนึ่ง
ในส่วนของกรมการบินพลเรือนนั้นได้สั่งการให้หาแนวทางการใช้ประโยชน์จากท่าอากาศยานภูมิภาคทั้ง 28 แห่งให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด โดยอาจเปิดให้เอกชนมีส่วนร่วมในการบริหารจัดการ หากมีประเด็นด้านข้อกฏหมาย กรมฯจะต้องเสนอมายังกระทรวงคมนาคม เพื่อหาแนวทางแก้ไขต่อไป รวมทั้งให้เพิ่มควมเข้มงวดในการตรวจสอบมาตรฐานการให้บริการของสายการบินต้นทุนต่ำ เพื่อให้เกิดความปลอดภัยสูงสุดต่อผู้ใช้บริกา
ด้านนายโชคชัย ปัญญายงค์ รองกรรมการผู้อำนายการใหญ่สายกลยุทธ์และพัฒนาธุรกิจ THAI กล่าวว่า บริษัทฯ ยังไม่สามารถเพิ่มสัดส่วนหุ้นในสายการบินนกแอร์ให้เป็น 49% ได้ เพราะราคาหุ้นสายการบินนกแอร์ที่ธนาคารกรุงไทย (KTB) เสนอขายในราคาหุ้นละ 44 บาท เป็นราคาที่สูงเกินไป แต่ยืนยันว่าบริษัทฯ ยังคงมีนโยบายเพิ่มสัดส่วนหุ้นในสายการบินนกแอร์ และพร้อมพัฒนาการให้บริการของสายการบินนกแอร์อย่างต่อเนื่อง
"ปัจจุบันคณะกรรมการนกแอร์ได้จัดทำแผนเธุรกิจ 4 ปี ซึ่งจะขยายฝูงบินโดยการจัดหาเครื่องบินเอทีอาร์เพิ่มอีก 4 ลำ และเครื่องบินโบอิ้ง 737-400 อีก 7 ลำ เพื่อนำมาขยายเส้นทางบินในประเทศเป็นหลัก เช่น เส้นทางกรุงเทพฯ-ลำปาง กรุงเทพฯ-แพร่ กรุงเทพฯ-น่าน และกรุงเทพฯ-ชุมพร และคาดว่าในปี 2554 นกแอร์จะมีกำไรเพิ่มขึ้นจากปี 2553 ที่มีกำไรกว่า 500 ล้านบาท" นายโชคชัย กล่าว