(เพิ่มเติม) EXIM BANK เตรียมปล่อยกู้ร่วมโครงการลงทุนในปท.เพื่อนบ้าน มูลค่า 5 หมื่นลบ.

ข่าวเศรษฐกิจ Thursday December 16, 2010 14:35 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายคนิสร์ สุคนธมาน กรรมการผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย(EXIM BANK) เปิดเผยว่า ธนาคารเตรียมจะปล่อยกู้เพื่อสนับสนุนให้นักลงทุนไทยเข้าไปลงทุนในประเทศเพื่อนบ้านร่วมกับ 3 ธนาพาณิชย์รายใหญ่ 3 ราย มูลค่าโครงการ 5 หมื่นล้านบาท โดย EXIM BANK จะมีส่วนร่วมปล่อยกู้ 1 หมื่นล้านบาท คาดว่าจะสรุปดีลช่วงสิ้นปีนี้หรือไม่เกินเดือน ม.ค.54

ธนาคารตั้งเป้าปี 54 ยอดสินเชื่อจะเติบโตกว่า 5% และคาดว่าจะมีกำไรในระดับใกล้เคียงกับปีนี้ที่ 200-300 ล้านบาท โดยยอมรับว่าผลกำไรของธนาคารอาจจะไม่มากนัก เนื่องจากส่วนหนึ่งมีความจำเป็นต้องกันสำรองทางบัญชีไว้ตามเกณฑ์มาตรฐานสากล(IAS 39) คิดเป็นปีละประมาณ 1 พันล้านบาท ซึ่งเป็นสิ่งที่จำเป็นต้องดำเนินการเพื่อสร้างความมั่นใจในอนาคต

สำหรับนโยบายการดำเนินธุรกิจในปีหน้า EXIM BANK จะดำเนินธุรกิจหลัก 3 ด้าน คือ 1.สินเชื่อเพื่อการค้าระหว่งประเทศ เพื่อสนับสนุนการส่งออกและการนำเข้า 2.สินเชื่อโครงการทั้งในและต่างประเทศ เพื่อสนับสนุนโครงการลงทุนที่เป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาเศรษฐกิจไทย และ 3.บริการประกันการส่งออก ซึ่งเป็นลักษณะเฉพาะของ EXIM BANK ในการทำหน้าที่องค์กรรับประกันการส่งออก ขณะเดียวกันธนาคารจะปรับปรุงการบริหารจัดการภายใน เพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพการให้บริการแก่ลูกค้าและเพื่อการขยายธุรกิจของธนาคารในอนาคต

พร้อมกันนี้ ยอมรับว่า EXIM BANK ไม่ใช่ธนาคารที่เน้นผลกำไรสูงดังเช่นธนาคารพาณิชย์รายอื่น แต่สิ่งที่จะเน้นคือบทบาทในด้านการสนับสนุนให้แก่ผู้ประกอบการส่งออกสามารถแข่งขันได้

กรรมการผู้จัดการ EXIM BANK กล่าวว่า จุดแข็งของ EXIM BANK ที่มีมากกว่าธนาคารพาณิชย์โดยทั่วไป คือ ความสามารถในการะดมทุนในต่างประเทศ ดังนั้นธนาคารฯ จึงพร้อมเป็นเครื่องมือทางการเงินของรัฐในการทำหน้าที่สนับสนุนผู้ประกอบการที่ขยายธุรกิจหรือขยายฐานการผลิตไปยังต่างประเทศ

ทั้งนี้ ตามที่อาเซียนจะกลายเป็นตลาดเดียวหรือเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) ภายในปี 58 นั้น EXIM BANK พร้อมที่จะสนับสนุนและเตรียมความพร้อมให้แก่ผู้ส่งออกไทยให้สามารถแข่งขันได้กับธุรกิจต่างชาติที่เข้ามาทำการค้าและลงทุนในแถบนี้มากขึ้น เพื่ออาศัยประโยชน์จากความเชื่อมโยงระหว่างกันในอาเซียน

"เราไม่เน้นกำไรสูง ไม่เน้นการขยายสินทรัพย์เหมือนกับธนาคารพาณิชย์อื่น ไม่เน้นปริมาณธุรกรรม แต่เน้นบทบาทด้านการสนับสนุนมากกว่า เราคงไม่แข่งขันกับธนาคารพาณิชย์ แต่อะไรที่ธนาคารพาณิชย์ทำไม่ได้ เช่นการขยายสินเชื่อในต่างประเทศ เราก็จะทำ เพราะเรามั่นใจว่าทำได้ดีกว่า" นายคนิสร์ กล่าว

ส่วนสถานการณ์เงินบาทที่แข็งค่านั้น เชื่อว่าจะเป็นตัวกระตุ้นให้ผู้ส่งออกมีแนวโน้มที่จะให้ความสำคัญกับการบริหารความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนมากขึ้น ขณะเดียวกันเมื่อพิจารณาจากภาวะเศรษฐกิจในปีหน้าที่ยังถือว่าไปได้ดี จึงน่าจะทำให้นักลงทุนมองเป็นโอกาสที่จะขยายกำลังการผลิตไปยังประเทศอื่นๆ ที่ใกล้เคียง รวมถึงใช้ประโยชน์จากเงินบาทแข็งค่าในการนำเข้าวัตถุดิบหรือสินค้าทุนเพื่อใช้พัฒนาประสิทธิภาพการผลิตให้ดีขึ้น

"จากที่เศรษฐกิจยังไปได้ดี นักลงทุนคงมองว่าเป็นโอกาสที่จะขยายกำลังการผลิต เป็นการกระจายความเสี่ยงในฐานการผลิต ย้ายการผลิตไปประเทศอื่น จากที่ส่วนหนึ่งในไทยเองยังติดปัญหากฎระเบียบบางเรื่อง เช่น ที่มาบตาพุดจากปัญหาด้านสิ่งแวดล้อม ปัจจัยหนุนอื่นๆ เช่น อัตราดอกเบี้ยยังต่ำ แลผลประกอบการของบริษัทในตลาดหลักทรัพย์โดยภาพรวมแล้วยังถือว่าออกมาดี" นายคนิสร์ กล่าว

นายคนิสร์ กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่ความจำเป็นที่จะต้องขอเพิ่มทุน เนื่องจากปัจจุบันธนาคารยังมีเงินจากกองทุนอยู่ประมาณ 1.5 หมื่นล้านบาท ซึ่งมีศักยภาพเพียงพอสำหรับการปล่อยสินเชื่อได้ถึง 1.87 แสนล้านบาท ขณะที่ปัจจุบันยังมียอดสินเชื่อคงค้างเพียง 5 หมื่นล้านบาท และได้มีการกันความเสี่ยงไว้ราว 1.6 หมื่นล้านบาท

อย่างไรก็ดี ได้มีนโยบายที่จะลดปริมาณความเสี่ยงด้วยการให้มีองค์กรเข้ามารับประกันความเสี่ยงต่อ ซึ่งจะช่วยลดการเกิดความเสียหายรวมทั้งลดความเสี่ยงในอนาคตให้แก่ EXIM BANK และทำให้ธนาคารสามารถมีเม็ดเงินไปใช้สำหรับการขยายการให้บริการได้มากขึ้นโดยไม่จำเป็นต้องเพิ่มทุน

ส่วนในปีนี้ ปัจจุบันธนาคารมียอด NPL ประมาณ 4.8 พันล้านบาท และได้มีการกันสำรองไว้แล้ว 2.8 พันล้านบาท จากปริมาณสินทรัพย์รวม 67,000 ล้านบาท


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ