นายกฯ เผยใช้เงินกองทุนฯพยุงราคาดีเซล คล่องตัว-ยืดหยุ่นกว่ามาตรการภาษี

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงเหตุผลที่รัฐบาลไม่เลือกใช้มาตรการทางภาษีมาแก้ปัญหาราคาน้ำมันว่า เมื่อพิจารณาดูแล้วการใช้มาตรการภาษีมีความคล่องตัวหรือยืดหยุ่นจะน้อยกว่า หรือพูดได้ว่าหากจะมีการปรับขึ้นหรือลงในส่วนภาษีคงจะไม่เหมาะ

อย่างไรก็ตาม จากการหารือแนวทางการให้กองทุนน้ำมันเข้ามาช่วยอุดหนุนราคาดีเซลในครั้ง คงจะให้ช่วยให้ผ่านช่วงของฤดูหนาวไปก่อน หลังจากนั้นจึงจะมาแนวทางอื่นอีกครั้ง แต่ยังมั่นใจว่าในช่วงเวลานี้จนถึงเดือนก.พ.54 ฐานะของกองทุนฯ ยังเป็นบวกอยู่ เพราะขณะนี้เงินในกองทุนเกินมา 2 หมื่นกว่าล้านบาท จากเดิมที่เคยติดลบราวแสนล้านบาท

"เราดูในเรื่องของภาษีนั้นมีความคล่องตัว หรือ ความยืดหยุ่นน้อยกว่าพูดง่ายๆ ว่าการปรับขึ้นหรือลงในระบบภาษีคงไม่เหมาะ ... เอาคร่าวๆ ว่า เราขอให้ทางกองทุนช่วยดูแลให้ผ่านตรงจุดนี้ไปก่อน เสร็จจากตรงนี้ค่อยมาว่ากันอีกที จากนี้จนถึงก.พ.ยังมั่นใจว่าฐานะกองทุนยังเป็นบวกอยู่เยอะ" นายกฯ กล่าว

ทั้งนี้ หลังจากที่รัฐบาลได้มีมาตรการช่วยเหลือตรงนี้มาแล้ว นายกฯ มองว่าคงจะไม่มีเหตุผลใดที่จะนำมาเป็นข้ออ้างในการขอขึ้นราคาสินค้า รวมถึงภาคขนส่งด้วย

ส่วนกรณีที่มีการประเมินจากสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.)ว่าการมาตรการตรึงราคาและการขึ้นค่าแรงจะฉุดอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ(GDP)ของไทยในปีหน้า 0.2%นั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เรื่องนี้ยังไม่ทราบในสิ่งที่ประเมิน เพียงแต่มองในทางกลับกันว่าค่าแรงที่เพิ่มน่าจะมีส่วนช่วยให้ในส่วนของผู้ใช้แรงงานมีรายได้สูงขึ้นและมีอำนาจในการจับจ่ายใช้สอยมากขึ้น