ภาวะตลาดเงินนิวยอร์ก: ยูโรฟื้นตัว แม้นักลงทุนยังกังวลปัญหาหนี้ยุโรป

ข่าวต่างประเทศ Friday December 17, 2010 07:57 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ค่าเงินยูโรฟื้นตัวขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (16 ธ.ค.) อย่างไรก็ตาม นักลงทุนยังคงวิตกกังวลเกี่ยวกับปัญหาหนี้ยุโรป ขณะที่สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับปอนด์ หลังจากทางการสหรัฐเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่สดใส รวมถึงจำนวนคนว่างงานรายสัปดาห์ที่ปรับตัวลดลง

ค่าเงินยูโรขยับขึ้น 0.20% แตะที่ 1.3238 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับของวันพุธที่ 1.3211 ดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่ค่าเงินปอนด์พุ่งขึ้น 0.61% แตะที่ 1.5632 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.5537 ดอลลาร์สหรัฐ

ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนตัวลง 0.27% เมื่อเทียบกับเงินเยนที่ระดับ 84.020 เยน จากระดับของวันพุธที่ 84.250 เยน และร่วงลง 0.33% เมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ 0.9645 ฟรังค์ จากระดับ 0.9677 ฟรังค์

ส่วนค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียพุ่งขึ้น 0.42% แตะที่ 0.9896 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับของวันพุธที่ 0.9855 ดอลลาร์สหรัฐ และค่าเงินดอลลาร์นิวซีแลนด์ดีดตัวขึ้น 0.23% แตะที่ 0.7386 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7369 ดอลลาร์สหรัฐ

ค่าเงินยูโรดีดตัวขึ้นหลังจากมีรายงานว่า ที่ประชุมผุ้นำยุโรปสามารถตกลงกันได้ในเรื่องแผนการกู้วิกฤตหนี้สาธารณะในยุโรป อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ยุโรปหลายคนยังคงมีความคิดเห็นที่แตกต่างกันในเรื่องแผนการดังกล่าว โดยเฉพาะเยอรมนีที่ปฏิเสธแผนการเพิ่มวงเงินในกองทุนกู้วิกฤตหนี้ยุโรป

รัฐบาลสเปนยังคงเดินหน้าพันธบัตรอายุ 10 ปี และ 15 ปี ออกมาจำหน่ายเมื่อวานนี้ โดยมีเป้าหมายที่จะระดมทุนให้ได้ถึง 3 พันล้านยูโร (4 พันล้านดอลลาร์) แม้มูดีส์ อินเวสเตอร์ส เซอร์วิส เตือนว่าอาจจะปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของพันธบัตรรัฐบาลสเปนก็ตาม ซึ่งความพยายามของรัฐบาลสเปนในครั้งนี้สะท้อนให้เห็นว่า รัฐบาลต้องการสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนว่า สเปนสามารถระดมทุนได้เพียงพอต่อการปรับโครงสร้างหนี้ในปี 2554

นอกจากนี้ ค่าเงินยูโรยังได้แรงหนุนหลังจากสแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ (S&P) คาดการณ์ว่า เศรษฐกิจเยอรมนีจะฟื้นตัวในวงกว้างในปีหน้า เพราะได้ปัจจัยบวกจากตัวเลขการใช้จ่ายภาคครัวเรือนที่คาดว่าจะปรับตัวเพิ่มขึ้น 2% ในปี 2554 เมื่อเทียบกับระดับที่ขยายตัว 0.5% ในปี 2553 และคาดว่าอัตราการขยายตัวด้านการลงทุนในภาคธุรกิจจะเพิ่มขึ้นแตะ 10.5% ในปีหน้า จากระดับ 10% ในปีนี้

ส่วนค่าเงินดอลลาร์ดีดตัวขึ้นเมื่อเทียบกับเงินปอนด์ ขานรับรายงานของกระทรวงแรงงานสหรัฐที่ระบุว่า จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการระหว่างว่างงานสัปดาห์ที่แล้วลดลง 3,000 ราย แตะระดับ 420,000 ราย ซึ่งสอดคล้องกับการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ ขณะที่จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานโดยเฉลี่ย 4 สัปดาห์ ลดลงแตะระดับ 422,750 ราย ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนเม.ย.2551 และทำสถิติลดลงเป็นครั้งแรกในรอบ 6 สัปดาห์

สำนักงานคอนเฟอเรนซ์ บอร์ด ซึ่งเป็นองค์กรวิจัยเอกชนของสหรัฐจะเปิดเผยดัชนีชี้นำเศรษฐกิจสหรัฐเดือนพ.ย.ในคืนนี้ตามเวลาประเทศไทย โดยนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าดัชนีชี้นำเศรษฐกิจจะเพิ่มขึ้น 1.1% ในเดือนดังกล่าว


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ