นายสุรพงษ์ ไพสิฐพัฒนพงษ์ โฆษกกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า ยอดการส่งออกรถยนต์ในเดือนพ.ย.53 อยู่ที่ 79,618 คน เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 35.72% คิดเป็นมูลค่าการส่งออก 49,051 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 22.13%
ขณะที่การส่งออกรถยนต์ในช่วง 11 เดือนปีนี้(ม.ค.-พ.ย.53) สามารถส่งออกรถยนต์สำเร็จรูปได้ 824,830 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 71.14% คิดเป็นมูลค่าการส่งออก 374,786 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 65.74% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน
สำหรับยอดการผลิตรถยนต์ในเดือนพ.ย.53 สามารถผลิตได้ทั้งสิ้น 157,094 คัน ผลิตได้สูงสุดนับตั้งแต่มีการผลิตรถยนต์เมื่อปี พ.ศ.2504 เป็นต้นมา โดยผลิตได้เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 29.85%% ขณะที่ยอดการผลิตรถยนต์ในช่วง 11 เดือน ผลิตได้ 1,507,013 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 69.77%
ส่วนยอดขายรถยนต์ภายในประเทศเดือน พ.ย.53 มีจำนวนทั้งสิ้น 78,874 คัน สูงสุดในรอบ 47 เดือน เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 38.3% จากเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศมีทิศทางที่ดีขึ้น ผู้บริโภคมีกำลังซื้อมากขึ้นโดยเฉพาะตลาดรถยนต์นั่งขนาดเล็กรุ่นใหม่ที่ได้รับความนิยมมาตั้งแต่ต้นปี, ราคาสินค้าเกษตรยังอยู่ในระดับสูง, การท่องเที่ยวเริ่มดีขึ้นเป็นลำดับ
นายสุรพงษ์ ยังประมาณการผลิตรถยนต์ช่วง 3 เดือนข้างหน้า(ธ.ค.53 - ก.พ.54) โดยคาดว่าจะมีจำนวน 413,237 คัน เปรียบเทียบกับยอดผลิตจริงเดือนก.ย. - พ.ย. 53 ซึ่งมีจำนวน 451,199 คัน ลดลง 37,962 คัน หรือลดลง 8.41% และเมื่อเปรียบเทียบกับยอดผลิตจริงเดือนธ.ค.52 - ก.พ.53 ซึ่งมีจำนวน 343,420 คันแล้ว เพิ่มขึ้น 69,817 คัน หรือ 20.33%
ทั้งนี้ ส.อ.ท.ตั้งเป้าหมายว่าในปี 54 ยอดการผลิตรถยนต์มีโอกาสเพิ่มขึ้นถึง 1.8 ล้านคัน โดยเป็นการส่งออก 1 ล้านคัน และขายในประเทศ 8 แสนคัน เนื่องจากในปีหน้าจะมีรถยนต์ประหยัดพลังงานขนาดเล็ก(อีโคคาร์)จากค่ายฮอนด้าออกวางจำหน่ายกระตุ้นความสนใจของผู้บริโภค
อย่างไรก็ดี แต่ยังเป็นห่วงปัจจัยเศรษฐกิจโลกที่ยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ ปัญหาการเมืองภายในประเทศ รวมถึงความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน ที่อาจจะส่งผลต่อการส่งออกรถยนต์ในปีหน้าได้