พณ.มั่นใจส่งออกปี 53 โตทะลุ 25% ปีหน้าโต 10% จับตาหลายปัจจัยเสี่ยง

ข่าวเศรษฐกิจ Sunday December 19, 2010 10:19 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นางนันทวัลย์ ศกุนตนาค อธิบดีกรมส่งเสริมการส่งออก คาดว่า การส่งออกของไทยในช่วง 2 เดือนที่เหลือของปีนี้(พ.ย.-ธ.ค.53) จะสามารถขยายตัวได้ในระดับ 20-23% คิดเป็นมูลค่าส่งออกเฉลี่ยเดือนละ 14,300-15,100 ล้านดอลลาร์ฯ ซึ่งจะทำให้ทั้งปีนี้การส่งออกสามารถเติบโตได้มากกว่า 25% หรือคิดเป็นมูลค่าการส่งออกประมาณ 190,000 ล้านดอลลาร์ฯ เป็นไปตามเป้าหมายเดิมที่กระทรวงพาณิชย์วางไว้

ทั้งนี้ เนื่องจากเศรษฐกิจและการค้าของตลาดส่งออกหลักสำคัญทั้งในสหรัฐฯ สหภาพยุโรป ญี่ปุ่น และประเทศในเอเชียยังมีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง และผู้ส่งออกได้แจ้งว่ามีคำสั่งซื้อสำหรับไตรมาสสุดท้ายของปีนี้มีสูงและยังอยู่ระหว่างการส่งมอบสินค้าเพื่อใช้ในเทศกาลคริสมาสต์และปีใหม่

"2 เดือนสุดท้ายของปีนี้ คิดว่าการส่งออกจะโตอยู่ในระดับ 20-23% ดังนั้นทั้งปีการส่งออกน่าจะโตได้เกิน 25% ส่วนปีหน้า คงโตได้มากกว่า 10%" อธิบดีกรมส่งเสริมการส่งออก ระบุ

ส่วนการส่งออกในปี 54 นั้น นางพรทิวา นาคาศัย รมว.พาณิชย์ ได้กำหนดเป้าหมายการส่งออกไว้เบื้องต้นว่าจะเติบโตได้ 10% คิดเป็นมูลค่าการส่งออกราว 207,900-209,500 ล้านดอลลาร์ฯ ภายใต้สมมติฐานว่าค่าเงินบาทเฉลี่ยที่ 30 บาท/ดอลลาร์ฯ, ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกเฉลี่ยที่ 76-77 ดอลลาร์ฯ/บาร์เรล และกองทุนการเงินระหว่างประเทศ(IMF) คาดว่าภาวะเศรษฐกิจการค้าของโลกและตลาดส่งออกสำคัญในปี 54 ยังมีแนวโน้มขยายตัวเพิ่มขึ้นจากปีนี้

อย่างไรก็ดี อัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจโลกอาจไม่มากเท่ากับปีนี้ ดังนั้นกระทรวงพาณิชย์จึงมีนโยบายและแผนงานในการเร่งรัดผลักดันการส่งออกให้สอดรับกับภาวะการณ์ที่ประเทศไทยเผชิญอยู่ในปัจจุบัน โดยตั้งเป้าหมายให้การส่งออกเติบโตได้ 10% มีการทำงานในเชิงบูรณาการร่วมกับภาคเอกชนอย่างใกล้ชิดและต่อเนื่องในการผลักดันการส่งออก

นางนันทวัลย์ กล่าวว่า แม้ในปี 54 การส่งออกยังขยายตัวได้ดี แต่ก็ยังมีปัจจัยเสี่ยงที่ต้องให้ความสำคัญ คือ ปัญหาเงินบาทแข็งค่าและเริ่มมีผลกระทบต่อการส่งออกของไทยในขณะนี้และอาจลากยาวไปถึงปีหน้า, ต้นทุนของผู้ประกอบการที่มีแนวโน้มสูงขึ้นอันเป็นผลมาจากแนวโน้มราคาน้ำมันที่จะสูงขึ้นในปีหน้าจากความต้องการใช้ที่เพิ่มขึ้นจากผลของการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ, ปัจจัยการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ รวมทั้งแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น ซึ่งส่งผลกระทบให้ต้นทุนการผลิตของผู้ประกอบการปรับตัวสูงขึ้นด้วยในปีหน้า

ด้านนายปิลัน พาณิชศุภผล ผู้อำนวยการสำนักยุทธศาสตร์การค้าระหว่างประเทศ กล่าวถึงแผนงานและกลยุทธ์การส่งออกในปี 54 ว่า ส่วนใหญ่จะเป็นการดำเนินมาตรการต่อเนื่องจากปี 53 โดยจะเพิ่มจุดเน้นที่สำคัญ 3 ด้าน คือ 1.ให้ความสำคัญกับผู้ประกอบการ SMEs โดยมีเป้าหมายในการส่งเสริมและผลักดันผู้ประกอบการรายกลางรายเล็กให้เข้าสู่เวทีการค้าระหว่างประเทศให้มากขึ้น

2.ให้ความสำคัญกับการเจาะตลาดและขยายตลาดในประเทศคู่ค้าที่มีศักยภาพสูง เช่น ตลาดอาเซียน, จีน, อินเดีย และรัสเซีย ที่มีอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจสูงเป็นเป้าหมายสำคัญ เพื่อทดแทนตลาดส่งออกหลักที่ยังมีปัญหาเศรษฐกิจเปราะบางและมีความเสี่ยงสูง

3.ให้ความสำคัญกับการพัฒนาและส่งเสริมสินค้าและธุรกิจบริการบนพื้นฐานของการสร้างมูลค่าเพิ่ม การสร้างตราสินค้า นวัตกรรม การสร้างสรรค์ และการผลิตสินค้าที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมให้มากขึ้น เพื่อสอดคล้องกับทิศทางและแนวโน้มเศรษฐกิจการค้าโลกยุคใหม่


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ