ข้อมูลสถิติที่เปิดเผยโดยกระทรวงการคลังของจีนระบุว่า รายได้ในกลุ่มรัฐวิสาหกิจของจีนพุ่งสูงกว่าระดับ 27.3 ล้านล้านหยวน (4.1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ) ในช่วง 11 เดือนแรกของปีนี้ ซึ่งเพิ่มขึ้น 32.5% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา
ขณะที่ผลกำไรโดยรวมของกลุ่มรัฐวิสาหกิจอยู่ที่กว่า 1.8 ล้านล้านหยวนในช่วง 11 เดือนแรกของปีนี้ ซึ่งเพิ่มขึ้น 43.1% เมื่อเทียบเป็นรายปี
-- หลิว หมิงกัง ประธานคณะกรรมาธิการกำกับดูแลภาคธนาคารจีน (CBRC) กล่าวว่า เศรษฐกิจจีนแสดงให้เห็นถึงสัญญาณบ่งชี้ของภาวะ "soft landing" และมีความเป็นไปได้ที่ว่า รัฐบาลจีนจะสามารถรักษาอัตราเงินเฟ้อให้อยู่ในจุดที่เหมาะสมต่อไปในปีหน้า
หลิวกล่าวว่า เศรษฐกิจจีนมีปัจจัยหนุนที่ช่วยกระตุ้นการขยายตัวทางเศรษฐกิจอย่างแข็งแกร่ง จากผลของการใช้นโยบายควบคุมเศรษฐกิจมหภาคของรัฐบาลอย่างต่อเนื่อง
-- โจว เสี่ยวฉวน ผู้ว่าการธนาคารกลางจีนแนะนำให้หยิบยกประเด็นเรื่องความเคลื่อนไหวในตลาดทุนขึ้นมาพิจารณาในระหว่างการกำหนดนโยบายการเงิน พร้อมทั้งชี้ว่า ขณะนี้ยังมีอีกหลายช่องทางที่จะช่วยเพิ่มสัดส่วนเงินทุนในระบบได้โดยตรง
หากเทียบกับการระดมทุนทางอ้อมนั้น กระบวนการระดมทุนทางตรงจะช่วยเอื้อต่อการซึมซับความเสี่ยงในระบบเศรษฐกิจได้ดีกว่า และช่วยกระตุ้นให้เกิดการสร้างนวัตกรรมทางเศรษฐกิจใหม่ๆ ดังนั้น จีนจำเป็นต้องพัฒนาระบบการระดมทุนทางตรงให้ดีขึ้น
ทั้งนี้ กองทุนบำนาญ กองทุนด้านหลักทรัพย์ และเงินทุนประกันภัยถือเป็นแหล่งเงินทุนรายใหญ่สำหรับการลงทุนทางตรง
-- สถิติล่าสุดจากธนาคารกลางจีนระบุว่า มูลค่าธุรกรรมด้านการซื้อขายในตลาดปริวรรตเงินตราของจีนอยู่ที่ระดับ 3.196 แสนล้านหยวนในเดือนพ.ย. ลดลง 38.42% จากระดับ 5.19 แสนล้านหยวนในเดือนก่อนหน้านี้
ทั้งนี้ แม้รายงานมูลค่าการทำธุรกรรมในตลาดดังกล่าวจะปรับตัวลดลง แต่ข้อมูลเดือนพ.ย.ยังคงอยู่ในระดับสูง และแรงกดดันจากกระแสเงินเก็งกำไรระยะสั้นจากต่างประเทศก็เพิ่มขึ้นสู่ระดับสูงเช่นกันท่ามกลางกระแสคาดการณ์การแข็งค่าของเงินหยวน รวมถึงการที่กลุ่มประเทศพัฒนาแล้วใช้มาตรการการเงินแบบผ่อนคลายเชิงปริมาณ