นายธราดล เปี่ยมพงศ์สานต์ รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง กล่าวว่า ที่ประชุมคณะกรรมการรัฐมนตรีเศรษฐกิจ (ครม.เศรษฐกิจ) มอบหมายให้กระทรวงพาณิชย์ติดตามและกำกับดูแลการปรับราคาสินค้า โดยเฉพาะสินค้าที่มีแนวโน้มปรับราคาเพิ่มขึ้นในกลุ่มน้ำมันพืช, ผลิตภัณฑ์นมพาสเจอร์ไรซ์, เครื่องแบบนักเรียน, ปุ๋ยเคมี และ มะพร้าว โดยเร่งพิจารณาความอัตราราคาที่เหมาะสมต่อไป
นอกจากนี้ ที่ประชุมได้รับทราบตามที่กระทรวงพาณิชย์ได้สำรวจภาพรวมราคาสินค้าอุปโภคบริโภค และได้ดำเนินการกำกับดูแลราคาสินค้าในช่วงที่ผ่านมา รวมทั้งศึกษาผลกระทบของต้นทุนสินค้า
ทั้งนี้ การศึกษาผลกระทบของต้นทุนสินค้าจากการแข็งค่าของเงินบาท จากการติดตามราคาวัตถุดิบและค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น สินค้าที่ศึกษาผลกระทบมีการใช้ราคาวัตถุดิบนำเข้าร้อยละ 30 - 90 ราคาวัตถุดิบสูงขึ้นร้อยละ 35 - 84 และเงินบาทแข็งค่าขึ้นร้อยละ 10 ส่งผลกระทบต่อต้นทุนสินค้า
แบ่งเป็น สินค้าที่ได้รับผลกระทบจากการแข็งค่าของเงินบาท โดยกลุ่มสินค้าที่ได้รับผลกระทบค่อนข้างมาก คือ กลุ่มที่ใช้วัตถุดิบนำเข้าเป็นหลัก (ประมาณร้อยละ 80-90) ได้แก่ กระดาษลูกฟูก กระดาษพิมพ์/เขียน แบตเตอรี่รถยนต์ เหล็ก สายไฟฟ้า น้ำมันหล่อลื่น ปุ๋ยเคมี และยากำจัดศัตรูพืช
และกลุ่มสินค้าที่ได้รับผลกระทบเล็กน้อย คือ กลุ่มที่ใช้วัตถุดิบในประเทศเป็นหลัก และกลุ่มที่นำเข้าวัตถุดิบนำเข้าประมาณร้อยละ 30 เช่น นมผง ผงซักฟอก น้ำยาล้างจาน เป็นต้น
ส่วนการกำกับดูแลราคาสินค้า กระทรวงได้ดำเนินการภายใต้ พ.ร.บ.ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ.2542 และขอความร่วมมือผู้ประกอบการตรึงราคาจำหน่ายสินค้า ตั้งแต่เดือน ต.ค.52 ถึง ธ.ค.53 รวมทั้งหารือผู้ประกอบการผลิตและนำเข้าสินค้าเกี่ยวกับสถานการณ์ต้นทุนและราคาสินค้าเป็นระยะ ๆ ทุก 3 เดือน รวมทั้งคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ ได้แต่งตั้งคณะอนุกรรมการพิจารณาต้นทุนและราคาสินค้า จำนวน 6 คณะในสินค้าสำคัญ คือ สินค้า (1) นมผงและผลิตภัณฑ์นม (2) ยารักษาโรค (3) ปุ๋ยเคมี (4) น้ำมันพืช (5) เหล็กเส้นและเหล็กโครงสร้างรูปพรรณ และ (6) อาหารสัตว์