นายนริศ ชัยสูตร ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เปิดเผยผลการจัดเก็บรายได้รัฐบาลในเดือน พ.ย.ว่า รัฐบาลจัดเก็บรายได้สุทธิ 144,622 ล้านบาท สูงกว่าประมาณการตามเอกสารงบประมาณ 17,128 ล้านบาท หรือร้อยละ 13.4 ส่งผลให้ในช่วง 2 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2554 รายได้รัฐบาลสุทธิเท่ากับ 268,268 ล้านบาท สูงกว่าประมาณการ 23,527 ล้านบาท หรือร้อยละ 9.6 (สูงกว่าช่วงเดียวกันปีที่แล้วร้อยละ 9.6)
รัฐบาลจัดเก็บรายได้สุทธิ 144,622 ล้านบาท สูงกว่าประมาณการ 17,128 ล้านบาท หรือร้อยละ 13.4 (สูงกว่าเดือนเดียวกันปีที่แล้วร้อยละ 12.0) เป็นผลจากการที่เศรษฐกิจขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ทำให้การจัดเก็บภาษีโดยรวมสูงกว่าเป้าหมายในอัตราค่อนข้างสูง
ประกอบกับ เงินบาทที่แข็งค่าส่งผลให้มีการนำเข้ารถยนต์เป็นจำนวนมาก ภาษีที่จัดเก็บได้สูงกว่าเป้าหมายที่สำคัญ ได้แก่ ภาษีเงินได้นิติบุคคล ภาษีมูลค่าเพิ่ม ภาษีสรรพสามิตรถยนต์ และอากรขาเข้า จัดเก็บได้สูงกว่าประมาณการ 9,824 3,298 2,195 และ 1,118 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 35.8 7.9 39.9 และ 14.4 ตามลำดับ นอกจากนี้ ภาษีเบียร์ภาษีสุรา และภาษียาสูบ ยังจัดเก็บได้สูงกว่าประมาณการร้อยละ 12.8 9.1 และ 7.1 ตามลำดับ เนื่องจากผู้ประกอบการคาดว่าจะมีการปรับเพิ่มอัตราภาษีจึงเร่งชำระภาษี
สำหรับในช่วง 2 เดือนแรกของปีงบประมาณ 54 (ต.ค.-พ.ย.53) รัฐบาลจัดเก็บ รายได้สุทธิ 268,268 ล้านบาท สูงกว่าประมาณการ 23,527 ล้านบาท หรือร้อยละ 9.6 เป็นผลจากการจัดเก็บ ของกรมสรรพากร กรมสรรพสามิต และกรมศุลกากรที่สูงกว่าประมาณการ 18,485 4,432 และ 620 ล้านบาท ตามลำดับ
ในส่วนของกรมสรรพากร จัดเก็บได้รวม 179,762 ล้านบาท สูงกว่าประมาณการ 18,485 ล้านบาท หรือร้อยละ 11.5 (สูงกว่าช่วงเดียวกันปีที่แล้วร้อยละ 14.1) ภาษีที่จัดเก็บได้สูงกว่าประมาณการที่สำคัญ ได้แก่ ภาษีเงินได้นิติบุคคลและภาษีมูลค่าเพิ่มสูงกว่าประมาณการ 11,586 และ 4,056 ล้านบาท หรือร้อยละ 26.9 และ 4.9 ตามลำดับ ทั้งนี้ ภาษีมูลค่าเพิ่มที่จัดเก็บจากการนำเข้าจัดเก็บได้สูงกว่าประมาณการร้อยละ 12.6 และภาษีมูลค่าเพิ่มที่จัดเก็บจากการบริโภคในประเทศจัดเก็บได้สูงกว่าประมาณการร้อยละ 4.4
และกรมสรรพสามิต จัดเก็บได้รวม 68,810 ล้านบาท สูงกว่าประมาณการ 4,432 ล้านบาท หรือร้อยละ 6.9 (สูงกว่าช่วงเดียวกันปีที่แล้วร้อยละ 6.0) เป็นผลจากการนำเข้ารถยนต์ที่เพิ่มสูงขึ้นเนื่องจากการแข็งค่าของเงินบาท รวมทั้งรถในประเทศยังมียอดจำหน่ายในระดับสูง ทำให้จัดเก็บภาษีสรรพสามิตรถยนต์สูงกว่า ประมาณการ 3,267 ล้านบาท หรือร้อยละ 30.0
นอกจากนี้ ผู้ประกอบการเกี่ยวกับการผลิตสุราและยาสูบ คาดว่าอาจจะมีการปรับเพิ่มอัตราภาษีเบียร์ ภาษีสุรา และภาษียาสูบจึงมีการเร่งชำระภาษี ส่งผลให้จัดเก็บภาษีดังกล่าวได้สูงกว่าประมาณการ 680 674 และ 109 ล้านบาท หรือร้อยละ 7.0 9.6 และ 1.3 ตามลำดับ อย่างไรก็ดี ผลกระทบจากการเกิดอุทกภัยในหลายจังหวัดทำให้ปริมาณความต้องการใช้น้ำมันเพื่อการขนส่งคมนาคมลดลง ส่งผลให้การจัดเก็บภาษีน้ำมันต่ำกว่าประมาณการ 560 ล้านบาท
ขณะที่กรมศุลกากร จัดเก็บได้รวม 16,700 ล้านบาท สูงกว่าประมาณการ 620 ล้านบาท หรือร้อยละ 3.9 (ต่ำกว่าช่วงเดียวกันปีที่แล้วร้อยละ 1.0) เนื่องจากจัดเก็บอากรขาเข้าได้สูงกว่าประมาณการ 723 ล้านบาท หรือร้อยละ 4.6 อย่างไรก็ดี การขยายตัวของมูลค่าการนำเข้าเริ่มชะลอตัวลงจากปีงบประมาณ 53 ทั้งในรูปของดอลลาร์สหรัฐฯ และในรูปเงินบาทซึ่งม ค่าเฉลี่ยเท่ากับร้อยละ 30.3 และ 23.3 ตามลำดับ โดยในเดือนตุลาคม 53 อัตราการขยายตัวของมูลค่าการนำเข้าในรูปของดอลลาร์สหรัฐฯ เท่ากับร้อยละ 13.5 ประกอบกับค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นส่งผลให้อัตราการขยายตัวของมูลค่าการนำเข้าในรูปเงินบาท เท่ากับร้อยละ 3.6
"จากทิศทางเศรษฐกิจที่ยังขยายตัวอย่างต่อเนื่อง และแนวโน้ม การจัดเก็บรายได้รัฐบาลที่ผ่านมาทำให้เชื่อมั่นว่าปีงบประมาณ 54 รัฐบาลจะจัดเก็บรายได้สูงกว่าเป้าหมายอย่างแน่นอน" นายนริศ กล่าว
นายธราดล เปี่ยมพงศ์สานต์ รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง กล่าวภายหลังประชุมคณะกรรมการรัฐมนตรีเศรษฐกิจ (ครม.เศรษฐกิจ) ว่า ที่ประชุมรับทราบการจัดเก็บรายได้ตามที่กระทรวงการคลังรายงาน
ในด้านรายจ่ายมีการเบิกจ่ายงบประมาณของรัฐบาลมีจำนวนทั้งสิ้น 430,604 ล้านบาท สูงกว่าช่วงเดียวกันปีที่แล้ว 151,650 ล้านบาท หรือร้อยละ 54.4 แบ่งออกเป็นรายจ่ายปีปัจจุบัน 401,319 ล้านบาท คิดเป็นอัตราการเบิกจ่ายร้อยละ 19.4 ของวงเงินงบประมาณ (2,070,000 ล้านบาท)
สำหรับคาดการณ์ฐานะการคลังตลอดปีงบประมาณ 54 คาดว่าจะจัดเก็บรายได้รัฐบาลจำนวน 1,750,000 ล้านบาท สูงกว่าประมาณการตามเอกสารงบประมาณ (1,650,000 ล้านบาท) จำนวน 100,000 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 6.1 โดยในด้านรายจ่าย คาดว่ารัฐบาลจะสามารถเบิกจ่ายงบประมาณปี 54 ได้ร้อยละ 93.0 ของวงเงินงบประมาณ (2,070,000 ล้านบาท) คิดเป็นจำนวน 1,925,100 ล้านบาท เมื่อรวมกับการเบิกจ่ายจากงบประมาณ ปีก่อนๆ อีกจำนวน 114,212 ล้านบาท ส่งผลให้รัฐบาลมีรายจ่ายรวมทั้งสิ้น 2,039,312 ล้านบาท สูงกว่าปีที่แล้วร้อยละ 14.3