ค่าเงินยูโรร่วงลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (20 ธ.ค.) เนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับปัญหาหนี้ยุโรป หลังจากมูดีส์ อินเวสเตอร์ส เซอร์วิส เตือนว่าอาจจะปรับลดอันดับความน่าเชื่อของธนาคารพาณิชย์ในสเปน ซึ่งข่าวดังกล่าวตอกย้ำว่ามูดีส์มีความกังวลต่อสถานการณ์หนี้สาธารณะในยุโรป หลังจากที่ได้ปรับลดความน่าเชื่อถือของไอร์แลนด์ไปเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
ค่าเงินยูโรร่วงลง 0.46% แตะที่ 1.3119 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับของวันศุกร์ที่ 1.3180 ดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่ค่าเงินปอนด์อ่อนตัวลง 0.16% แตะที่ 1.5509 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.5534 ดอลลาร์สหรัฐ
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐร่วงลง 0.23% เมื่อเทียบกับเงินเยนที่ 83.760 เยน จากระดับของวันศุกร์ที่ 83.950 เยน และดิ่งลง 0.45% เมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ 0.9655 ฟรังค์ จากระดับ 0.9699 ฟรังค์
ค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียแข็งค่าขึ้น 0.48% แตะระดับ 0.9934 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับของวันศุกร์ที่ 0.9887 ดอลลาร์สหรัฐ และค่าเงินดอลลาร์นิวซีแลนด์พุ่งขึ้น 0.54% แตะระดับ 0.7404 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7364 ดอลลาร์สหรัฐ
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ค่าเงินยูโรถูกกดันอย่างหนักอันเนื่องมาจากความกังวลที่ว่า ธนาคารสเปนอาจเป็นเป้าหมายต่อไปที่มูดีส์ อินเวสเตอร์ส เซอร์วิส จะปรับลดอันดับความน่าเชื่อ หลังจากมูดีส์ได้ออกมาเตือนว่าจะปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของธนาคารสเปน ซึ่งกรอบเวลาของการดำเนินการดังกล่าวจะเร็วหรือช้านั้น จะขึ้นอยู่กับมาตรการให้ความช่วยเหลือจากภาครัฐ
มูดีส์ได้ปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของไอร์แลนด์ลลงสู่ระดับ Baa1 จาก Aa2 เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว พร้อมกับให้แนวโน้มอันดับเครดิตเป็นเชิงลบ หลังจากวิกฤตหนี้สาธารณะได้บีบให้รัฐบาลไอร์แลนด์ต้องขอรับความช่วยเหลือจากภายนอก โดยเมื่อวันที่ 15 ธ.ค.ที่ผ่านมา รัฐบาลไอร์แลนด์ได้ยอมรับความช่วยเหลือในรูปของเงินกู้ฉุกเฉินมูลค่า 8.5 หมื่นล้านยูโร (1.13 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ) จากสหภาพยุโรป (อียู) และกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) หลังจากรัฐบาลสูญเสียงบประมาณไปจำนวนมากจากการกู้วิกฤตภาคธนาคาร
นอกจากนี้ ยูโรยังได้รับผลกระทบจากกระแสคาดการณ์ในตลาดปริวรรตเงินตราว่า ฝรั่งเศสและเบลเยี่ยมอาจถูกลดอันดับความน่าเชื่อถือเช่นกัน โดยเทรดเดอร์กล่าวว่า หากวิกฤตหนี้ยุโรปยังไม่คลี่คลายลงในระยะใกล้นี้ อาจฉุดสกุลเงินยูโรร่วงลงแตะระดับ 1.30 ดอลลาร์สหรัฐ
ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เปิดเผยว่า ดัชนีกิจกรรมทางเศรษฐกิจทั่วประเทศของสหรัฐเดือนพ.ย.ลดลงสู่ระดับ -0.46 จุด จากเดือนต.ค.ที่ระดับ -0.25 จุด ซึ่งเป็นผลมาจากอัตราว่างงานที่สูงขึ้น รวมทั้งภาวะซบเซาในตลาดที่อยู่อาศัย และอัตราการอุปโภคบริโภคที่ชะลอตัวลง
ทางการสหรัฐจะเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญในสัปดาห์นี้ รวมถึงการประมาณการตัวเลขประมาณจีดีพีไตรมาส 3 ครั้งสุดท้าย ยอดขายบ้านมือสองเดือนพ.ย. รายได้ส่วนบุคคลเดือนพ.ย. ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนพ.ย.ยอดขายบ้านใหม่เดือนพ.ย. และจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์
*ตลาดเงินนิวยอร์กจะปิดทำการในวันศุกร์ที่ 24 ธ.ค.นี้ เนื่องในวันคริสต์มาส