องค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา (OECD) เปิดเผยว่า รัฐบาลสเปนจำเป็นต้องใช้ความพยายามมากขึ้นในการกอบกู้สถานการณ์ด้านการคลังที่เปราะบางและสร้างงานเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในช่วงที่เวลาที่เศรษฐกิจฟื้นตัวอย่างเชื่องช้าในขณะนี้
รายงานล่าสุดของ OECD ระบุว่า ภาวะเศรษฐกิจโลกถดถอยเป็นเหตุผลสำคัญที่ฉุดรั้งผลผลิตทางเศรษฐกิจโดยรวมของสเปนหดตัวลง โดยเฉพาะสถานะด้านการคลังและการจ้างงานของสเปนที่ได้รับผลกระทบรุนแรงกว่าประเทศอื่นๆในยุโรป ด้วยเหตุนี้เศรษฐกิจสเปนจึงมีแนวโน้มที่จะฟื้นตัวอย่างเชื่องช้า โดยเฉพาะเมื่อรัฐบาลประกาศใช้มาตรการปฏิรูปโครงสร้างเศรษฐกิจแบบครอบคลุม เพื่อกระตุ้นความเชื่อมั่นของตลาดทั้งในและต่างประเทศ
"OECD คาดว่า ยอดขาดดุลงบประมาณของรัฐบาลสเปนจะอยู่ที่ 9.2% ของตัวเลขจีดีพีในปีนี้ ส่วนในปี 2554 คาดว่ายอดขาดดุลจะอยู่ที่ 6.3% และ 4.4% ในปี 2555 นอกจากนี้ OECD คาดว่าการทำให้อัตราว่างงานของสเปนอยู่ในระดับที่มีเสถียรภาพนั้นจะต้องใช้เวลานาน อย่างไรก็ตาม คาดว่าอัตราว่างงานในปี 2554 จะอยู่ที่ 19.1% ลดลงจากระดับ 20% ในปีนี้ และคาดว่าอัตราว่างงานในปี 2555 จะอยู่ที่ 17.4%" รายงานของ OECD กล่าว
OECD คาดว่า เศรษฐกิจสเปนจะขยายตัวขึ้น 0.9% ในปี 2554 หลังจากหดตัวลง 0.2% ในปีนี้ และคาดว่าเศรษฐกิจในปี 2555 จะขยยตัว 1.8%
ทั้งนี้ OECD แนะนำว่า รัฐบาลสเปนควรยึดมั่นในมาตรการเสริมสร้างความแข็งแกร่งด้านการคลัง เพื่อช่วยให้สเปนสามารถหลีกเลี่ยงวิกฤตหนี้สาธารณะแบบเดียวกับที่เกิดขึ้นในกรีซและไอร์แลนด์ โดยระบุว่าการปฏิรูประบบบำเน็จบำนาญและการเพิ่มอายุการเกษียณงาน ถือเป็นหนึ่งในมาตรการที่จำเป็นสำหรับสเปน
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า การแสดงความคิดเห็นของ OECD มีขึ้นหลังจากมูดีส์ อินเวสเตอร์ส เซอร์วิส เตือนว่า มูดีส์อาจจะปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของธนาคารพาณิชย์สเปนที่มีแนวโน้มว่าจะขอความช่วยเหลือจากรัฐบาล เพื่อพยุงกิจการให้รอดพ้นจากวิกฤตหนี้สาธารณะที่ลุกลามในยุโรปและภาวะเศรษฐกิจที่ผันผวนของประเทศ
มูดีส์มีมุมมองที่เป็นลบต่อแนวโน้มการฟื้นตัวของภาคธนาคารสเปน โดยคาดว่า ฐานเงินทุนและความสามารถในการระดมทุนในตลาดการเงินของธนาคารสเปนจะยังคงอ่อนแอ เพราะถูกกดดันจากภาวะเศรษฐกิจที่ซบเซาภายในประเทศ คุณภาพสินทรัพย์ที่ตกต่ำลง และจากแผนการลดงบประมาณด้านการคลังของรัฐบาล
นอกจากนี้ มูดีส์กล่าวว่า แม้ว่าธนาคารพาณิชย์รายใหญ่ของสเปนยังคงสามารถทำกำไรได้ แต่ธนาคารพาณิชย์ขนาดเล็ก หรือที่เรียกว่า "cajas" ยังคงได้รับผลกระทบอย่างหนักจากภาวะฟองสบู่แตกในภาคอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งส่งผลให้ธนาคารเหล่านี้มีหนี้เสียหลายพันล้านยูโร