นายประสาร ไตรรัตน์วรกุล ผู้ว่าการ ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) กล่าวว่า ธปท.จะพยายามดูแลอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานในปีนี้ไม่ให้อยู่ในระดับเกินกว่า 3% โดยมองว่าการต่ออายุมาตรการช่วยค่าครองชีพประชาชนอีก 2 เดือนและการตรึงราคาสินค้าไปถึงเดือนมี.ค.54 จะมีผลต่ออัตราเงินเฟ้อพื้นฐานลดลง 0.5% แต่หลังจากสิ้นสุดระยะเวลาดังกล่าวแล้ว อาจจะปรับตัวขึ้นมาอย่างก้าวกระโดด
"การดูแลอัตราเงินเฟ้อเป็นหน้าที่ของคณะกรรมการนโยบายการเงินอยู่แล้ว หากมีสัญญาณอะไรก็ต้องพยายามรักษาไม่ให้เกิน 3%"นายประสาร กล่าว
อนึ่ง ธปท.คาดการณ์อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานในปีหน้าที่ 2-3% และอัตราเงินเฟ้อทั่วไปที่ 3-5%
ขณะที่นโยบายประชาวิวัฒน์ของรัฐบาลนั้น ขณะนี้นายกรัฐมนตรีได้มอบหมายให้ฝ่ายต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องไปศึกษาว่ามาตรการใดควรเป็นชั่วคราว มาตรการใดเป็นถาวร แต่มองว่าน่าจะเป็นชั่วคราวมากกว่า
สำหรับทิศทางเศรษฐกิจปี 54 น่าจะเติบโตต่อเนื่องจากปีนี้แม้ว่าจะชะลอลงบ้าง โดยคาดว่าอัตราการจขยายตัวทางเศรษฐกิจ(GDP)ในปี 54 จะอยู่ในระดับ 3.5-5% โดยมีแรงผลักดันสำคัญ คือ การอุปโภคบริโภคและการลงทุนในประเทศที่ขยายตัวได้ดีขึ้น มีบทบาทช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ขณะที่การส่งออกจะชะลอการเติบโตลงจากนี้ โดยการอุปโภคบริโภคและการลงทุนในขณะนี้เติบโตได้สูงกว่าช่วงก่อนเกิดวิกฤติเศรษฐกิจโลกแล้ว
ส่วนเงินทุนไหลเข้าก็เป็นเรื่องที่ธปท.ต้องติดตามต่อไป แต่จะเห็นว่าช่วง 2-3 สัปดาห์ ตลาดการเงินโลกอ่อนไหวเรื่องปัญหายุโรปและการปรับลดเครดิตของประเทศต่าง ๆ รวมทั้งความตึงเครียดในคาบสมุทรเกาหลี ทำให้คนหันมาถือเงินดอลลาร์มากขึ้น แรงกดดันต่อการแข็งค่าของเงินบาทจึงลดลง และขณะนี้เศรษฐกิจสหรัฐมีอัตราเติบโตพอสมควร แต่ยังมีปัญหาการว่างงานและสินเชื่อบ้านที่จะต้องแก้ไข
นายประสาร กล่าวถึงภาระหนี้กองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงินว่า ในสัปดาห์หน้าจะมีหารือกับกระทรวงการคลังถึงการลดภาระดังกล่าว โดยมีข้อเสนอการนำเงินทุนสำรองบางส่วนไปบริหารเพื่อสร้างรายได้กลับเข้ามา แม้ว่าจะช่วยได้เพียงส่วนหนึ่ง และอาจจะมีแนวทางอื่น ๆ อีก