กรมธุรกิจพลังงาน เผยปี 53 ปริมาณใช้เบนซิน-ดีเซลลดลง/NGV-LPG เพิ่ม

ข่าวเศรษฐกิจ Wednesday December 22, 2010 13:53 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นางพูนทรัพย์ สกุณี ผู้อำนวยการสำนักบริการธุรกิจและการสำรองน้ำมันเชื้อเพลิง กรมธุรกิจพลังงาน(ธพ.) เผยปริมาณการใช้น้ำมันในปีนี้ลดลงจากปีก่อนทั้งเบนซินและดีเซล เนื่องจากประชาชนที่ใช้เครื่องยนต์เบนซินหันไปใช้ก๊าซธรรมชาติ(เอ็นจีวี)มากขึ้น

โดยปริมาณการใช้น้ำมันเบนซินอยู่ที่ 20.3 ล้านลิตรต่อวัน ลดลง 1.8% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา แบ่งเป็น กลุ่มน้ำมันเบนซิน 91 และ 95 ปริมาณการใช้อยู่ที่ 8.3 ล้านลิตรต่อวัน ลดลง 0.6% น้ำมันแก๊สโซฮอล์อยู่ที่ 11.9 ล้านลิตรต่อวัน ลดลง 2.8% เนื่องจากรถยนต์น้ำมันเบนซินหันไปใช้เอ็นจีวีมากขึ้น ส่วนปริมาณการใช้น้ำมันดีเซลอยู่ที่ 50.2 ล้านลิตร ลดลง 0.7% แบ่งเป็น ดีเซล 29.7 ล้านลิตรต่อวัน เพิ่มขึ้น 8.7% และไบโอดีเซล B5 อยู่ที่ 19.4 ล้านลิตรต่อวัน ลดลง 13.2% ส่วนก๊าซปิโตรเลียมเหลว(แอลพีจี)มีปริมาณการใช้อยู่ที่ 27.9 ล้านลิตรต่อวัน หรือ 4.8 แสนตันต่อเดือน เพิ่มขึ้น 15.2%

สำหรับการนำเข้าน้ำมันดิบเฉลี่ยทั้งปีนี้มีปริมาณ 854,000 บาร์เรล/วัน เพิ่มขึ้น 6.4% จากปีก่อนที่เฉลี่ยนำเข้าประมาณ 803,000 บาร์เรล/วัน สาเหตุที่มีการนำเข้าน้ำมันดิบเพิ่มขึ้นเนื่องจากมีการใช้กำลังการกลั่นของโรงกลั่นน้ำมันในประเทศมากขึ้น และในปีก่อนมีโรงกลั่น 2-3 โรง เช่น ไออาร์พีซี และ ปตท.อะโรเมติกส์และการกลั่น ปิดซ่อมบำรุงเป็นเวลาหลายวัน

ส่วนการนำเข้าน้ำมันสำเร็จรูปเฉลี่ยทั้งปีนี้มีปริมาณเพิ่มขึ้น 60% เมื่อเทียบกับปีก่อน เพราะมีการนำเข้าแอลพีจีเพิ่มขึ้น ทั้งนี้คาดว่าการนำเข้าแอลพีจีในปีหน้าอาจจะเพิ่มขึ้นไปอยู่ที่ระดับ 1.4-1.5 แสนตัน/เดือน จากเดิมที่คาดว่าจะนำเข้าประมาณ 1.1 แสนตัน/เดือน เนื่องจากโรงแยกก๊าซฯ โรงที่ 6 จะมีการปิดซ่อมบำรุงตามแผนในเดือน ม.ค.54 เป็นเวลา 15 วัน ก่อนที่จะเดินเครื่องเต็มกำลังการผลิต โดยตามแผนคาดว่าในเดือน ม.ค.-พ.ค.54 โรงแยกก๊าซฯ 6 จะสามารถส่งแอลพีจีเข้าตลาดได้ประมาณ 5-6 หมื่นตัน/เดือน แต่หลังจากโรงปิโตรเคมีในเครือ ปตท.แล้วเสร็จในช่วงต้นเดือน มิ.ย.54 จะทำให้เหลือแอลพีจีป้อนตลาดได้ 30,000 ตัน/เดือน โดยโรงแยกก๊าซฯ 6 มีกำลังการผลิตแอลพีจีประมาณ 1 แสนตัน/เดือน

นางพูนทรัพย์ กล่าวถึงสถานการณ์การใช้น้ำมันเชื้อเพลิงทุกประเภทในเดือน พ.ย.53 มีปริมาณการใช้เพิ่มขึ้นจากเดือน ต.ค.53 โดยน้ำมันเบนซินมีปริมาณจำหน่าย 21.3 ล้านลิตรต่อวัน เพิ่มขึ้นจากเดือน ต.ค.ที่ผ่านมา 7% และเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 9% โดยแบ่งเป็น น้ำมันเบนซิน 91 จำนวน 8.9 ล้านลิตร/วัน และน้ำมันแก๊สโซฮอล์ 12.3 ล้านลิตร/วัน

ส่วนน้ำมันดีเซลมีปริมาณจำหน่าย 53.2 ล้านลิตรต่อวัน เพิ่มขึ้นจากเดือนตุลาคมที่ผ่านมา 15% และเพิ่มขึ้นจากปีก่อน 8% แบ่งเป็นน้ำมันดีเซล 33.6 ล้านลิตร/วัน และไบโอดีเซล B5 19 ล้านลิตร/วัน ขณะที่ปริมาณการจำหน่ายก๊าซปิโตรเลียมเหลว(แอลพีจี) มีปริมาณ 482,000 ตัน/เดือน หรือ 16,000 ตัน/วัน เพิ่มขึ้นจากเดือน ต.ค.ที่ผ่านมา 2% และเพิ่มขึ้นจากปีก่อน 17% และ เอ็นจีวี 5,700 ตันต่อวัน เพิ่มขึ้นจากเดือน ต.ค.ที่ผ่านมา 6% และเพิ่มขึ้น 36% เมื่อเทียบกับปีก่อน สาเหตุที่ปริมาณการจำหน่ายน้ำมันเชื้อเพลิงเพิ่มขึ้นเป็นผลจากภาวะน้ำมันที่เริ่มคลี่คลายเข้าสู่ภาวะปกติ ทำให้การคมนาคมสะดวกขึ้น รวมถึงเริ่มเข้าสู่ฤดูกาลขนส่งพืชผลทางการเกษตร

การใช้แอลพีจี แบ่งเป็น การใช้ในภาคครัวเรือน 209,000 ตัน/ต่อเดือน หรือ 7,000 ตัน/วัน เพิ่มขึ้น 4% ภาคอุตสาหกรรม 68,000 ตัน/เดือน หรือ 2,200 ตัน/วัน เพิ่มขึ้น 4% และภาคขนส่ง 60,000 ตัน/เดือน หรือ 2,000 ตัน/วัน เพิ่มขึ้น 8% แต่ภาคปิโตรเคมี มีการใช้ลดลงมาอยู่ที่ระดับ 145,000 ตัน/เดือน หรือ 4,800 ตัน/วัน ลดลง 3% จากปริมาณการใช้ที่เพิ่มขึ้น และโรงแยกก๊าซธรรมชาติ หน่วยที่ 6 ของ บมจ.ปตท. ยังอยู่ในช่วงการทดลองเดินเครื่อง ส่งผลให้ยังต้องมีการนำเข้าแอลพีจีจากต่างประเทศ จำนวน 144,000 ตัน มูลค่า 3,800 ล้านบาท

ส่วนการนำเข้าน้ำมันเชื้อเพลิง ทั้งน้ำมันดิบและสำเร็จรูป มีปริมาณรวม 4,810 ล้านลิตร คิดเป็นมูลค่า 77,000 ล้านบาท โดยเป็นการนำเข้าน้ำมันดิบ 4,540 ล้านลิตร เพิ่มขึ้น 24% คิดเป็นมูลค่า 73,000 ล้านบาท แต่การนำเข้าน้ำมันสำเร็จรูป ลดลง 4% หรือ 270 ล้านลิตร เนื่องจากน้ำมันสำเร็จรูปที่นำเข้าส่วนใหญ่เป็นการนำเข้าแอลพีจี ซึ่งราคาตลาดโลกได้ปรับตัวสูงขึ้นเกือบ 100 ดอลลาร์สหรัฐ/ตัน จาก 690 ดอลลาร์สหรัฐ/ตัน ในเดือน ต.ค.เป็น 780 ดอลลาร์สหรัฐ/ตัน ในเดือน พ.ย.53 ขณะที่การส่งออกน้ำมันสำเร็จรูปมีปริมาณ 1,100 ล้านลิตร คิดเป็นมูลค่า 15,000 ล้านบาท ลดลง 11% จากเดือน ต.ค.ที่ผ่านมา


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ