นางวิวรรณ บุณยประทีปรัตน์ เลขาธิการ สมาคมปาล์มน้ำมันและน้ำมันปาล์มแห่งประเทศไทย คาดว่า ผลผลิตปาล์มสดในปี 54 จะอยู่ที่ 9 ล้านตัน สูงขึ้นจากปีนี้ที่อยู่ในระดับ 8.2 ล้านตัน ขณะที่ผลผลิตในตลาดโลกน่าจะอยู่ที่ 20 ล้านตัน ซึ่งผลผลิตส่วนใหญ่จะนำไปสกัดเป็นน้ำมันปาล์มเพื่อการบริโภค 70% และใช้เพื่อเป็นพลังงานทดแทน 20% และอื่นๆ รวมทั้งสำรองสต็อก 10%
แนวโน้มราคาปาล์มยังอยู่ในระดับที่ดีต่อเนื่องจากปีนี้ เนื่องจากผลผลิตถั่วเหลืองมีแนวโน้มลดลง เพราะมีความอ่อนไหนต่อภัยธรรมชาติมากกว่า ทำให้ความต้องการปาล์มยังมีมาก ทั้งนี้ มีการคาดการณ์ว่าใน 10 ข้างหน้า(ค.ศ.2020) ภาวะการพึ่งพาน้ำมันปาล์มจะเพิ่มมากขึ้นในทุก ๆ ปี ขณะที่การพึ่งพาน้ำมันพืชชนิดอื่น ๆ จะลดลง
นางวิวรรณ กล่าวว่า สถานภาพของน้ำมันปาล์มของประเทศไทย ไม่ใช่เพื่อการส่งออก แต่เราพึ่งพาตนเองเพื่อลดการนำเข้า ซึ่งสถานการณ์ผลผลิตปีนี้เท่ากับปี 52 แม้ว่าพื้นที่ผลผลิตจะเพิ่มขึ้น แต่เนื่องจากประสบปัญหาภัยแล้งตั้งแต่ ก.ย.53 เป็นต้นมา ทำให้ผลผลิตลดลง และเมื่อมาถึง พ.ย.-ธ.ค.53 ผลผลิตลดลงอีกมากจากปัญหาน้ำท่วม ซึ่งปกติในช่วงนี้เป็นปลายฤดูผลผลิตจะลดลงอยู่แล้ว ขณะที่มีการนำผลผลิตน้ำมันปาล์มดิบไปใช้ในส่วนของไบโอดีเซลมากขึ้นด้วย
สำหรับแนวคิดของภาครัฐที่จะให้มีการนำเข้าน้ำมันถั่วเหลืองเข้ามามากขึ้นเพื่อถึงราคาน้ำมันปาล์มลงมา โดยมองว่าการนำเข้าน้ำมันถั่วเหลืองจะได้รับประโยชน์จากเงินบาทแข็งค่านั้น นางวิวรรณ กล่าวว่า เป็นไปไม่ได้ ปัจจุบันราคาน้ำมันปาล์มในตลาดโลกต่ำกว่าราคาน้ำมันถั่วเหลืองประมาณ 100 เหรียญสหรัฐ/ตัน
"และในเมื่อเราต้องการเป็นผู้มั่นคงทางด้านอาหารตามนโยบายนายกรัฐมนตรี ก็ควรสนับสนุนผลผลิตในประเทศ" นางวิวรรณ กล่าว
ปัญหาน้ำมันปาล์มราคาแถงเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นทั่วโลก เนื่องมาจากทั้งสภาวะอากาศ และอัตราแลกเปลี่ยน เพราะขณะที่พื้นที่ปลูกปาล์มในประเทศไทยเกิดน้ำท่วม ทางมาเลเซียและอินโดนีเซียก็เกิดปัญหาเดียวกัน ส่วนที่อเมริกาก็เกิดเอลนิโญ่ หรือภัยแล้ง และ Heat Wave ในยุโรป ซึ่งมีผลกระทบต่อผลผลิตถั่วเหลืองที่เป็นพืชน้ำมันหลักของโลก
นางวิวรรณ กล่าวว่า ถั่วเหลืองอ่อนไหวต่อสภาพอากาศมาก ทั้งโลกปลูกถั่วเหลือง 640 ล้านไร่ แต่ให้ผลผลิตแค่ 30 ล้านตัน ขณะที่พื้นที่ปลูกปาล์มน้ำมันทั้งโลกมี 80 ล้านไร่ ให้ผลผลิต 50 ล้านตัน ซึ่งปาล์มเป็นพืชน้ำมันที่ถูกที่สุดในโลกและเป็นพืชยืนต้น ซึ่งหากจะดูราคาน้ำมันปาล์มเปรียบเทียบกับน้ำมันถั่วเหลืองก็ต้องดูเปรียบเทียบกันทั้งโลก