สำนักบริหารหนี้สาธารณะ(สบน.)ระบุว่า ในไตรมาส 2 ของปีงบประมาณ 54 จะออกพันธบัตรรัฐบาล วงเงิน 9.45 หมื่นล้านบาท เพื่อชดเชยขาดดุลงบประมาณ 6.05 หมื่นล้านบาท และปรับโครงสร้างหนี้ 3.45 หมื่นล้านบาท
และในช่วง เม.ย.54 มีแผนออกพันธบัตรออมทรัพย์ปีงบประมาณ 54 วงเงินรวม 1 แสนล้านบาท อายุตั้งแต่ 7-12 ปี มีทั้งอัตราดอกเบี้ยแบบคงที่และแบบขั้นบันได เพื่อนำไปใช้ในการปรับโครงสร้างหนี้เงินกู้ตามโครงการไทยเข้มแข็ง และมีแผนออกพันธบัตรรัฐบาลอายุ 50 ปี วงเงิน 3.5 พันล้านบาท คาดว่าอัตราดอกเบี้ยจะอยู่ที่ 4.6 - 4.75%
แนวคิดในการออกพันธบัตรดังกล่าว เพื่อเป็นการขยายพอร์ตการบริหารหนี้ให้เป็นระยะยาวมากขึ้น และใช้เป็นอัตราดอกเบี้ยอ้างอิงขององค์กรและรัฐวิสาหกิจต่างๆ
นายจักรกฤศฏิ์ พาราพันธกุล ผู้อำนวยการ สบน. เปิดเผยว่า จะเป็นครั้งแรกที่กระทรวงการคลังดำเนินการออกพันธบัตรรัฐบาลรุ่นอายุ 50 ปี ซึ่งถือเป็นการออกพันธบัตรรัฐบาลรุ่นอายุที่ยาวที่สุดของรัฐบาล ทำให้ประเทศไทยจะเป็นประเทศที่ 4 ในโลกที่สามารถออกพันธบัตรรัฐบาลรุ่นอายุ 50 ปีได้
ทั้งนี้ แผนการออกพันธบัตรรัฐบาลประจำไตรมาส 2 ของปีงบประมาณ 54 สะท้อนให้เห็นถึงการปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ของ สบน.ให้สอดรับกับภาวะอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นที่ได้มีการเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วตามการปรับขึ้นของอัตราดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารแห่งประเทศไทย และจากการสำรวจความต้องการของนักลงทุนระยะยาวอย่างถี่ถ้วน
ประกอบกับ การที่เงินคงคลัง ณ สิ้นไตรมาส 1 ของปีงบประมาณ 54 อยู่ในระดับที่สูงถึงกว่า 250,000 ล้านบาท สบน. จึงได้มีการดำเนินการดังต่อไปนี้ คือ ปรับลดวงเงินการออกพันธบัตรรุ่นอายุระหว่าง 5-10 ปี ให้อยู่ในระดับไม่เกิน 10,000 ล้านบาท (จากในปีงบประมาณ 53 ที่เคยมีวงเงินการประมูลต่อครั้งที่ 12,500 ล้านบาท และ 12,000 ล้านบาท ตามลำดับ
พร้อมทั้ง ปรับเพิ่มวงเงินการออกพันธบัตรรุ่นอายุ 30 ปี ให้อยู่ที่ 5,000 ล้านบาทต่อครั้ง จากในปีงบประมาณ 53 ที่เคยมีวงเงินการประมูลต่อครั้งที่ 3,000 ล้านบาท
และงดการออกตั๋วเงินคลังทุกรุ่นอายุชั่วคราวเป็นเวลา 2 เดือน ม.ค.-ก.พ.54 ซึ่งจะทำให้เงินคงคลัง ณ สิ้น มี.ค.54 ปรับลดลงมาอยู่ที่ระดับประมาณ 75,000 ล้านบาท เพื่อเป็นการแบ่งเบาภาระต้นทุน โดยเงินคงคลังระดับดังกล่าวอยู่ในระดับที่เพียงพอต่อการบริหารเงินสด ในการนี้ สบน.ได้มีการประสานงานกับธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) เป็นผู้ออกตั๋วเงินระยะสั้นเพิ่มขึ้นทดแทนตามความเหมาะสม
อย่างไรก็ดี สบน.จะประเมินสถานการณ์ตลาดตราสารหนี้อย่างใกล้ชิด และประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อเป็นประโยชน์ในการปรับกลยุทธ์ให้สอดรับกับสภาวะตลาดอย่างเหมาะสมต่อไป
ทั้งนี้ ในปีงบประมาณ 54 เดิม สบน.มีแผนที่จะกู้เงินเพื่อการบริหารหนี้วงเงิน 420,000 ล้านบาท แต่คาดว่าจะมีการกู้เงินน้อยลงประมาณ 1 แสนล้านบาท เนื่องจากแนวโน้มการจัดเก็บรายได้ของรัฐบาลในปีงบประมาณ 54 จะเกินเป้าหมายที่ตั้งไว้
ผู้อำนวยการ สบน.ยังกล่าวถึงผลการออกตั๋วสัญญาใช้เงินระยะยาว อายุ 12 และ 18 ปี ประเภทอัตราดอกเบี้ยคงที่ว่า เมื่อวันที่ 22 ธ.ค.53 สบน.ได้ออกตั๋วสัญญาใช้เงินรูปแบบใหม่ ซึ่งมีอัตราดอกเบี้ยคงที่และมีอายุสูงถึง 12 ปี และ 18 ปี จากเดิมตั๋วสัญญาใช้เงินจะมีอัตราดอกเบี้ยลอยตัวและมีอายุไม่เกิน 6 ปี วงเงิน 39,770 ล้านบาท โดยมีกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ กลุ่มบริษัทประกันชีวิตและธนาคารพาณิชย์ เข้าร่วมประมูลตั๋วสัญญาใช้เงินดังกล่าว
วัตถุประสงค์เพื่อใช้ในการปรับโครงสร้างหนี้เงินกู้จากธนาคารพาณิชย์ สำหรับเงินกู้ภายใต้ พ.ร.ก.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินฯ (ไทยเข้มแข็ง) ซึ่งสอดคล้องกับแผนการระดมทุนภายใต้ พ.ร.ก. ดังกล่าว ที่จะใช้เงินกู้จากธนาคารพาณิชย์ระยะสั้น เพื่อเพิ่มความคล่องตัวในการเบิกจ่ายเงินกู้และการลงทุน จากนั้นจึงปรับโครงสร้างหนี้ให้เป็นตราสารหนี้ระยะยาวในภายหลังเพื่อลดการกระจุกตัวของหนี้ระยะสั้น และลดความเสี่ยงในการปรับโครงสร้างหนี้เมื่อครบกำหนดชำระ
ผลประมูลเบื้องต้น ดังนี้ Bid Coverage Ratio เท่ากับ 1.13 เท่า แบ่งเป็นวงเงินของรุ่น 12 ปี เท่ากับร้อยละ 56 และรุ่น 18 ปี เท่ากับร้อยละ 44 ของวงเงินที่ประมูล ในการนี้ สบน.จะได้ประกาศผลการประมูลให้ผู้ประมูลทราบในโอกาสแรก ซึ่งตั๋วสัญญาใช้เงินดังกล่าวกำหนดให้มีการชำระเงินในวันที่ 21 ม.ค.54
ส่วนแนวทางการออกพันธบัตรออมทรัพย์ประจำปีงบประมาณ 54 สบน.มีแผนจะออกพันธบัตรออมทรัพย์ในปีงบประมาณ 54 รุ่นอายุประมาณ 7—12 ปี อัตราดอกเบี้ยคงที่หรือแบบขั้นบันได ในช่วงเดือนเม.ย.54 วงเงินรวมประมาณ 100,000 ล้านบาท ซึ่งจะเป็นวงเงินสำหรับการปรับโครงสร้างหนี้เงินกู้ภายใต้ พ.ร.ก.ไทยเข้มแข็ง
พันธบัตรออมทรัพย์ดังกล่าว จะเปิดขายให้ประชาชนทั่วไปโดยไม่มีเงื่อนไขที่จะต้องเป็นผู้สูงอายุ แต่จะเปิดกว้างให้ผู้ลงทุนทั่วไป และไม่จำกัดวงเงินซื้อ ขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการสำรวจความต้องการของตลาดว่านักลงทุนต้องการพันธบัตรอายุ 7 ปี หรือ 12 ปี เพื่อกำหนดวงเงินที่จะออกพันธบัตร ขณะที่อัตราดอกเบี้ยพันธบัตรออมทรัพย์อายุ 10 ปี มีอัตราดอกเบี้ยประมาณ 4%
*ประเดิมออก inflation bond เดือน พ.ค.อายุ 10 ปี วงเงิน 5 พันลบ.
นายจักรกฤศฏิ์ ยังกล่าวถึงความคืบหน้าของการพัฒนาตลาดตราสารหนี้ภายใต้แผนพัฒนาตลาดทุนไทย ซึ่งในส่วนที่ สบน.รับผิดชอบได้แก่การออกพันธบัตรรัฐบาลประเภทผลตอบแทนแปรผันตามอัตราเงินเฟ้อ (Inflation Linked Bond: ILB) และการพัฒนาสภาพคล่องของตลาดตราสารหนี้โดยการปรับปรุงหน้าที่และสิทธิประโยชน์ของผู้ค้าหลัก (Primary Dealer)
การออก ILB สบน.มีแผนการจัดการประชุมเชิงปฏิบัติการในช่วงเดือน ม.ค.54 ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและเอกชน เพื่อซักซ้อมความเข้าใจในโครงสร้างของ ILB และเตรียมพร้อมก่อนการจำหน่ายจริงในเดือน พ.ค.54
คาดว่า ILB น่าจะมีความต้องการในการลงทุนดีกว่าพันธบัตรทั่วไป เนื่องจากเป็นพันธบัตรที่ผูกกับอัตราเงินเฟ้อ ซึ่งนักลงทุนเชื่อว่าอัตราเงินเฟ้อจะอยู่ในระดับสูง ดังนั้นจึงน่าจะได้รับการตอบรับที่ดีจากนักลงทุน ส่วนวิธีการจำหน่ายอยู่ระหว่างการพิจารณาว่าจะใช้วิธีการประมูล หรือใช้วิธี Book Build ส่วนการเสนอขายให้นักลงทุนสถาบันนั้น เนื่องจากเป็นการออกขายครั้งแรกจึงต้องการความเชื่อมั่นจากนักลงทุนและการตอบรับของตลาด
พร้อมกันนี้ สบน.กำลังอยู่ระหว่างรวบรวมข้อมูลผลการดำเนินงานการพัฒนาระบบ Primary Dealers(PDs) และผู้ค้าทั้งหมดในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา รวมถึงการดำเนินงานใน 3 เดือนแรกของปีงบประมาณนี้ เพื่อกำหนดหน้าที่และสิทธิประโยชน์และจัดทำรายชื่อของผู้ที่สามารถเป็น PD ในอนาคต เพื่อสนับสนุนให้ระบบ PD สามารถทำหน้าที่ในการเป็นตัวกลางระหว่างภาครัฐและนักลงทุน เป็น Market Maker ที่มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น รวมถึงการดำเนินงานในตลาดอนุพันธ์ในอนาคต
ทั้งนี้ สบน.จะเชิญ PD และผู้ค้าที่สนใจเข้าร่วมในการเป็น PD รวมไปถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น ธนาคารแห่งประเทศไทย และสมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย(ThaiBMA)เข้าร่วมประชุมเพื่อประกาศหน้าที่และสิทธิประโยชน์ของ PD ที่ปรับปรุงแล้วในช่วงเดือน มี.ค.54
"ภายใต้ภาวะเศรษฐกิจโลกที่ผันผวนและเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา สบน.จะติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และในกรณีที่มีการเปลี่ยนแปลงที่จะส่งผลกระทบต่อแผนการออกพันธบัตรของรัฐบาล สบน.จะมีการหารือกับผู้ร่วมตลาดก่อนมีการตัดสินใจปรับแผนฯ และประกาศให้สาธารณชนทราบต่อไป" ผู้อำนวยการ สบน.กล่าว