ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐเคลื่อนตัวผันผวนในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (23 ธ.ค.) แม้ทางการสหรัฐเปิดเผยข้อมูลที่บ่งชี้ถึงการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ เนื่องจากนักลงทุนชะลอการซื้อขายก่อนช่วงวันหยุดในเทศกาลคริสต์มาส ขณะที่ค่าเงินยูโรฟื้นตัวขึ้นเล็กน้อย หลังจากร่วงลงอย่างหนักเป็นเวลาหลายวัน อันเนื่องมาจากความกังวลเกี่ยวกับปัญหาหนี้ยุโรป รวมถึงการที่สถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือเตือนว่าจะลดอันดับความน่าเชื่อถือของสเปนและกรีซ
ค่าเงินยูโรดีดตัวขึ้น 0.09% แตะที่ 1.3111 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับของวันพุธที่ 1.3099 ดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่ค่าเงินปอนด์ดีดตัวขึ้น 0.20% แตะที่ 1.5414 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.5384 ดอลลาร์สหรัฐ
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐร่วงลง 0.68% เมื่อเทียบกับเงินเยนที่ระดับ 82.980 เยน จากระดับของวันพุธที่ 83.550 เยน แต่พุ่งขึ้น 0.84% เมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ระดับ 0.9597 ฟรังค์ จากระดับ 0.9517 ฟรังค์
ส่วนค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียพุ่งขึ้น 0.37% แตะที่ 1.0035 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับของวันพุธที่ 0.9998 ดอลลาร์สหรัฐ และค่าเงินดอลลาร์นิวซีแลนด์พุ่งขึ้น 0.66% แตะที่ 0.7463 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7414 ดอลลาร์สหรัฐ
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐเคลื่อนตัวผันผวน โดยดอลลาร์ร่วงลงเมื่อเทียบกับเงินเยน แม้ทางการสหรัฐเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่สดใส รวมถึงจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ลดลง 3,000 ราย แตะที่ 420,000 ราย ขณะที่ตัวเลขการใช้จ่ายผู้บริโภคเดือนพ.ย.ปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.4% ตัวเลขรายได้ส่วนบุคลลเพิ่มขึ้น 0.3% และยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนพ.ย.ที่ไม่นับรวมสินค้าในอุตสาหกรรมการขนส่ง เพิ่มขึ้น 2.4%
ส่วนค่าเงินยูโรขยับขึ้นเพียงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับดอลลาร์ เนื่องจากนักลงทุนยังคงวิตกกังวลเกี่ยวกับปัญหาหนี้ยุโรป รวมถึงการที่ฟิทช์ เรทติ้งส์ ประกาศทบทวนอันดับความน่าเชื่อถือของกรีซ โดยเตือนว่าฟิทช์อาจจะลดอันดับความน่าเชื่อถือพันธบัตรของกรีซลงสู่ "สถานะขยะ" หรือ "สถานะที่ไม่น่าลงทุน" จากระดับปัจจุบันที่ BBB- ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดของ "สถานะที่น่าลงทุน"
ขณะที่ มูดีส์ อินเวสเตอร์ส เซอร์วิส เตือนว่าอาจจะทบทวนอันดับความน่าเชื่อถือตราสารหนี้ของรัฐบาลสเปน เนื่องจากอัตราว่างงานของสเปนอยู่ที่ระดับเกือบ 20% และภาวะเศรษฐกิจมีแนวโน้มชะลอตัว อันเนื่องมาจากรัฐบาลประกาศใช้มาตรการรัดเข็มขัดหลายครั้ง
ทั้งนี้ ค่าเงินยูโรร่วงลงไปแล้วกว่า 8% นับตั้งแต่ต้นเดือนพ.ย.เป็นต้นมา เนื่องจากกระแสความวิตกกังวลที่ว่า สเปนและโปรตุเกสอาจจะต้องขอความช่วยเหลือด้านการเงินจากกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) และสหภาพยุโรป (อียู) เหมือนกับกรีซและไอร์แลนด์
รัฐสภากรีซมีมติรับรองงบประมาณปี 2554 เมื่อวานนี้ ซึ่งครอบคลุมมาตรการรัดเข็มขัดที่มีความเข้มงวดมากขึ้น อาทิ การลดรายจ่ายเพิ่มขึ้น และ การขึ้นภาษี ซึ่งเป็นไปตามที่กรีซได้ตกลงไว้กับ สหภาพยุโรป และ กองทุนการเงินระหว่างประเทศ เพื่อแลกเปลี่ยนกับการขอรับเงินช่วยเหลือเพื่อแก้ปัญหาหนี้สาธารณะของประเทศ โดยคาดว่างบประมาณปี 2554 จะช่วยลดยอดขาดดุลงบประมาณของประเทศลงได้อีก 5 พันล้านยูโร โดยจะทำให้ยอดขาดดุลงบประมาณอยู่ที่ 7.4% ของจีดีพีในปีหน้า ซึ่งลดลงจาก 9.4% ในปีนี้
อย่างไรก็ตาม มีรายงานว่าก่อนที่จะมีการลงคะแนนเสียงนั้น สหภาพการขนส่งสาธารณะ อาทิ รถบัสและรถไฟใต้ดิน ได้นัดผละงานประท้วงอีก 24 ชั่วโมง เนื่องจากไม่พอใจที่พวกเขาจะถูกลดค่าแรง ส่งผลให้การจราจรในกรุงเอเธนส์ติดขัด เนื่องจากประชาชนต้องหันมาใช้บริการรถแท็กซี่และรถยนต์แทน อย่างไรก็ดี การให้บริการเที่ยวบินและเรือข้ามฟากไม่ได้รับผลกระทบจากการสไตรค์ครั้งนี้
*ตลาดเงินนิวยอร์กจะปิดทำการในวันศุกร์ที่ 24 ธ.ค.นี้ เนื่องในวันคริสต์มาส