นายกรณ์ จาติกวณิช รมว.คลัง ระบุว่า ปี 54 เชื่อว่าเศรษฐกิจไทยยังเติบโต 4% ซึ่งชะลอตัวจากปีนี้ เนื่องจากเป็นช่วงที่เศรษฐกิจฟื้นตัว ทำให้ในปีนี้อัตราอยู่ในระดับสูง แต่อัตราการเติบโตปีหน้าถือว่าเป็นระดับที่น่าพอใจ ไม่น่ามีปัจจัยที่น่ากังวลมากนัก แต่คงต้องติดตามเศรษฐกิจคู่ค้าสำคัญ ซึ่งแนวโน้มเติบโตไม่ดีนัก
อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าเสถียรภาพเศรษฐกิจไทยที่อยู่ในระดับที่ดี สามารถรองรับความผันผวนของเศรษฐกิจปี 54ได้ เนื่องจากหนี้สาธารณะอยู่ในระดับต่ำที่ 43% เงินสำรองระหว่างประเทศอยู่ในระดับสูง และอัตราเงินเฟ้ออยู่ในระดับต่ำ
ขณะที่ราคาน้ำมันแนวโน้มยังอยู่ในระดับสูง แต่เชื่อว่ายังอยู่ในระดับที่สามารถบริหารจัดการได้ ส่วนหนึ่งมาจากเงินบาทที่แข็งค่าจะมีส่วนช่วยลดภาระต้นทุนนำเข้า และการใช้กองทุนน้ำมันพยุงราคา
สำหรับเงินทุนไหลเข้ามาในช่วงนี้ ยังมีการติดตามดูแลอย่างใกล้ชิดไม่มีลักษณะการเก็งกำไรเกินไป
"เงินที่ไหลเข้าเนื่องจากดุลการค้าเรายังเป็นบวก ยังมีการลงทุน เนื่องจากผู้ประกอบการต่างประเทศ ยังเห็นอนาคตของเศรษฐกิจไทยหลังการเมืองสงบ ซึ่งเป็นเรื่องที่ดีที่จะสร้างโอกาสในการสร้างงานด้วย" รมว.คลัง กล่าว
อย่างไรก็ตาม ในระยะยาวค่าเงินดอลลาร์ยังอ่อนค่าต่อเนื่อง สะท้อนภาวะเศรษฐกิจสหรัฐ ซึ่งผู้ประกอบการเข้าใจและเตรียมตัวที่จะมีการปรับตัวอยู่แล้ว
รมว.คลัง กล่าวว่า ภารกิจของกระทรวงการคลังในปี 54 มี 3 เรื่อง คือ 1. การสร้างเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ โดยการบริหารเศรษฐกิจการคลังให้มีเสถียรภาพ เพื่อให้ภาคธุรกิจมีเสถียรภาพ 2. การดูแลการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า โดยจะดูแลทั้งรายได้การจัดเก็บภาษี ที่ดินของที่ราชพัสดุและทรัพยากรอื่นๆ 3. การแก้ปัญหาความยากจนและลดความเหลื่อมล้ำ
ทั้งนี้ นโยบายการคลังได้ตอบโจทย์ทั้ง 3 เรื่องได้โดยได้มีการทำงานร่วมกับผู้บริหารของกระทรวงการคลังเพื่อกำหนดกรอบการทำงานในปีหน้า และในอีก 5 ปีข้างหน้า โดยจะมีการจัดลำดับความสำคัญในการทำงานเพื่อให้เศรษฐกิจเข้มแข็งตั้งแต่ระดับรากหญ้า รวมถึงโครงสร้างเศรษฐกิจโดยรวม
"คลังมีความพร้อมและมีความชัดเจนเกี่ยวกับนโยบายและการเป็นผู้ดูแลค่าครอบชีพ การสร้างโอกาสให้ประชาชน...มีนโยบายหลายภาคส่วนที่เราทำกัน ซึ่งนายกรัฐมนตรีจะมีการประกาศออกมาตั้งแต่ 1-9 ม.ค." รมว.คลัง กล่าว
ในส่วนของกฎหมายต่างๆ นั้น พ.ร.บ.กองทุนการออมแห่งชาติ ที่เข้าสู่การพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎร คาดว่าจะมีผลบังคับใช้ในกลางปี 54 และจัดตั้งกองทุนได้ในปลายปี 54 ส่วนภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง อยู่ระหว่างการหารือของคณะกรรมการกฤษฎีกา คาดว่าจะนำเสนอเข้าบรรจุเป็นวารในการประชุมสภาสมัยหน้าได้