Analysis: ราคาน้ำมันดิบพุ่งสูงสุดในรอบ 2 ปี เหตุนักลงทุนเชื่อมั่นแนวโน้มศก.

ข่าวต่างประเทศ Friday December 24, 2010 15:41 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ราคาน้ำมันดิบพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 2 ปีในช่วงก่อนเทศกาลคริสต์มาส เพราะได้แรงหนุนจากข้อมูลเศรษฐกิจในด้านบวก รวมทั้งสกุลเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าลง และรายงานสต็อกน้ำมันดิบที่ร่วงลง

โดยสัญญาน้ำมันดิบ NYMEX ส่งมอบเดือนก.พ.พุ่งขึ้น 1.03 ดอลลาร์ ปิดที่ 91.51 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนต.ค.2551 ในการซื้อขายเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา ทำสถิติปรับตัวขึ้นติดต่อกัน 5 วันทำการ

ขณะที่สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ที่ตลาด ICE กรุงลอนดอนพุ่งขึ้น 60 เซนต์ แตะที่ 94.25 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนธ.ค.2551 เช่นกัน

ราคาน้ำมันดิบปรับตัวสูงขึ้นเนื่องจากหลากหลายปัจจัย รวมถึงการที่กระทรวงพาณิชย์สหรัฐปรับเพิ่มการประเมินอัตราการขยายตัวของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ไตรมาส 3 ขึ้นสู่ระดับ 2.6% จากที่ประเมินไว้ก่อนหน้านี้ที่ระดับ 2.5% นอกจากนี้ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐยังเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจด้านอื่นๆที่สดใสในเดือนพ.ย. รวมถึงตัวเลขการใช้จ่ายผู้บริโภค รายได้ส่วนบุคล ยอดขายบ้านใหม่ และยอดสั่งซื้อสินค้าคงทน

ขณะที่ธอมสัน รอยเตอร์/มหาวิทยาลัยมิชิแกนเปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนธ.ค.พุ่งขึ้นแตะระดับ 74.5 จุด ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนมิ.ย.

ข้อมูลที่บ่งชี้ถึงภาวะฟื้นตัวของเศรษฐกิจทำให้นักลงทุนในตลาดคาดการณ์ว่า เศรษฐกิจจะยังคงฟื้นตัวต่อเนื่องไปจนถึงปีหน้า ซึ่งมุมมองในด้านบวกที่นักลงทุนมีต่อการขยายตัวของจีดีพีในปีหน้าสะท้อนให้เห็นได้จากความต้องการที่เพิ่มขึ้นในตลาดน้ำมันดิบ

อย่างไรก็ตาม มีความเป็นไปได้ว่ากลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปค) จะยังไม่ปรับเพิ่มปริมาณการผลิตน้ำมันดิบในระยะเวลาอันใกล้นี้

โดยนายชอกรี กาเน็ม ประธานการปิโตรเลียมของลิเบียกล่าวที่กรุงไคโรเมื่อวานนี้ ก่อนที่จะเข้าร่วมประชุมกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมันในอ่าวอาหรับว่า "ราคาน้ำมันอยู่ในระดับที่พอเหมาะ แต่ผมก็ยังคิดว่าราคาน่าจะปรับตัวขึ้นอีกเล็กน้อย และราคาที่เหมาะสมสำหรับสถานการณ์ในปัจจุบันคือ 100 ดอลลาร์"

ขณะเดียวกัน สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐร่วงลงในอัตราที่รวดเร็วที่สุดในรอบ 12 ปี โดยสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของสหรัฐที่ว่า สต็อกน้ำมันดิบในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุด ณ วันที่ 17 ธ.ค.ร่วงลง 5.33 ล้านบาร์เรล มากกว่าที่ตลาดคาดการณ์ว่าจะลดลงเพียง 2.4 ล้านบาร์เรล ขณะที่สต็อกก๊าซธรรมชาติลดลง 1.84 แสนล้านลูกบาศก์ฟุต ซึ่งมากกว่าการคาดการณ์ของตลาด

ดัชนีดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของสกุลเงินดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ อ่อนตัวลงในสัปดาห์นี้ ทั้งนี้ เนื่องจากราคาน้ำมันดิบมีการซื้อขายกันในรูปสกุลเงินดอลลาร์ จึงทำให้นักลงทุนที่ถือสกุลเงินอื่นๆ เช่นยูโร ได้ประโยชน์จากการอ่อนตัวลงของดอลลาร์ ซึ่งการอ่อนค่าของดอลลาร์ถือเป็นอีกปัจจัยที่หนุนราคาน้ำมันพุ่งขึ้นด้วย

นอกจากนี้ ราคาน้ำมันยังได้รับปัจจัยบวกจากสภาพอากาศที่หนาวเย็นในยุโรปและสหรัฐ ซึ่งอากาศหนาวทำให้ความต้องการฮีทติ้งออยล์ น้ำมันดิบ และน้ำมันกลั่นปรับตัวสูงขึ้นด้วย โดยเฉพาะในสหรัฐที่ความต้องการฮีทติ้งออยล์เพิ่มขึ้นถึง 5%

ขณะเดียวกัน อัตราการขับขี่ยานยนต์ที่สูงขึ้นในช่วงเทศกาลวันหยุดปลายปีก็เป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ให้ความต้องการก๊าซเพิ่มขึ้นด้วย โดยราคาก๊าซพุ่งขึ้นแตะระดับ 3 ดอลลาร์ต่อแกลลอนโดยเฉลี่ย ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 2 ปีในช่วงก่อนเทศกาลวันหยุด

ส่วนปัจจัยอื่นๆที่ช่วยหนุนราคาน้ำมันดิบนั้น รวมถึงจีดีพีของจีนที่ขยายตัวอย่างต่อเนื่อง และมีการคาดการณ์ว่าความต้องการน้ำมันในประเทศจีนจะเพิ่มขึ้นอีกในช่วง 2-3 ปีข้างหน้า

ทั้งนี นักวิเคราะห์คาดว่า ราคาน้ำมันมีแนวโน้มที่จะพุ่งขึ้นแตะระดับ 100 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลภายในช่วงฤดูร้อนปี 2554

บทความโดย เฉียว จีหง จากสำนักข่าวซินหัว


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ