นางศรีรัตน์ รัษฐปานะ อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยว่า กรมฯ อยู่ระหว่างการทบทวนและปรับปรุงยุทธศาสตร์การพัฒนาความพร้อมรับการแข่งขันในการค้าเสรี ภายใต้กรอบความร่วมมือประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน(AEC) รวมทั้งความตกลงเขตการค้าเสรี(FTA) กรอบต่างๆ ที่ไทยทำกับประเทศคู่ค้า
ทั้งนี้ เพื่อสร้างความตื่นตัวและความเข้าใจ รวมทั้งกระตุ้นการปรับตัวเพื่อเตรียมพร้อมรับการแข่งขันที่จะเกิดขึ้น และให้ภาคเอกชนใช้สิทธิประโยชน์ต่างๆ ได้อย่างเต็มที่ โดยกรมจะปรับยุทธศาสตร์การทำงานใหม่ทั้งหมด และจะบูรณาการการทำงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและเอกชน
สำหรับยุทธศาสตร์การทำงานกำหนดไว้ 6 แนวทาง คือ 1.สร้างความตื่นตัวบนพื้นฐานของความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้อง โดยมีกลยุทธ์การดำเนินการเชิงรุก เพื่อให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายซึ่งมีความสนใจและความต้องการที่หลากหลาย 2.เสริมสร้างการมีส่วนร่วมจากทุกภาคส่วน และสร้างฐานความร่วมมือสนับสนุนในวงกว้าง โดยมีกลยุทธ์สร้างเครือข่ายกับภาคธุรกิจ ภาครัฐ และภาคประชาสังคม โดยคัดเลือกบุคคลที่มีความพร้อมในการเรียนรู้และการสื่อสารกับบุคคลอื่นเป็นตัวแทนในการสื่อสาร รวมทั้งพัฒนาความเข้มแข็งให้กับสมาชิกและเครือข่าย
3.ส่งเสริมผู้ประกอบการให้ใช้ประโยชน์จาก AEC และ FTA อย่างเต็มที่และต่อเนื่อง โดยมีกลยุทธ์เสริมสร้างความรู้ความเข้าใจ และความพร้อมในการเป็นผู้ประกอบธุรกิจระหว่างประเทศ 4.เพิ่มการขยายธุรกิจการค้าและการลงทุนทั้งตลาดภายในประเทศและต่างประเทศ โดยเฉพาะในตลาดอาเซียนและประเทศที่ไทยทำ FTA ด้วย โดยมีกลยุทธ์ส่งเสริมและพัฒนาภาคธุรกิจไทยที่มีศักยภาพ รวมทั้งสินค้าและบริการจากเศรษฐกิจสร้างสรรค์ และนวัตกรรมเข้าสู่ตลาดอาเซียนและประเทศภาคีความตกลง FTA เสริมสร้างเครือข่ายทางการค้าและ การลงทุน รวมทั้งสร้างความแข็งแกร่งและความสามารถในการปรับตัวของผู้ประกอบการไทย เพื่อให้พร้อมรับการแข่งขันกับตลาดภายในประเทศ
5.เตือนภัยและสร้างภูมิคุ้มกัน โดยเน้นภาคส่วนที่ได้รับประโยชน์หรืออาจจะได้รับผลกระทบจากการค้าเสรี และ 6.เร่งพัฒนาบุคลากรภาครัฐ และเอกชน รวมทั้งเยาวชนให้พร้อมรับการแข่งขันในการค้าเสรี
นางศรีรัตน์ กล่าวว่า นอกจากนี้กรมฯ ยังอยู่ระหว่างการจัดทำร่างยุทธศาสตร์ของไทยในการเข้าร่วม AEC เพื่อให้ประเทศได้ประโยชน์สูงสุดในการเข้าร่วมเป็น AEC ในปี 58 รวมทั้งสร้างภูมิคุ้มกันให้แก่ภาคเกษตรกรและอุตสาหกรรมภายในประเทศ โดยกรมฯ จะเปิดรับฟังความคิดเห็นจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและเอกชนในเดือนม.ค.54