ภาวะตลาดเงินนิวยอร์ก: เงินดอลล์ร่วงเทียบเยน หลังญี่ปุ่นเผยผลผลิตอุตสาหกรรมขยายตัว

ข่าวต่างประเทศ Wednesday December 29, 2010 07:39 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐร่วงลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินเยนและฟรังค์สวิส ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (28 ธ.ค.) หลังจากทางการญี่ปุ่นเปิดเผยว่าผลผลิตภาคอุตสาหกรรมขยายตัวขึ้นเป็นครั้งแรกในรอบ 6 เดือน แต่ดอลลาร์แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับยูโร เนื่องจากนักลงทุนกังวลว่าวิกฤตหนี้ยุโรปอาจส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพของสกุลเงินยูโร

ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐร่วงลง 0.42% เมื่อเทียบกับเงินเยที่ 82.440 เยน จากระดับของวันจันทร์ที่ 82.790 เยน และดิ่งลง 0.82% เมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ 0.9516 ฟรังค์ จากระดับ 0.9595 ฟรังค์

ค่าเงินยูโรร่วงลง 0.33% แตะระดับ 1.3115 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับของวันจันทร์ที่ 1.3159 ดอลลาร์สหรัฐ และเงินปอนด์อ่อนตัวลง 0.22% แตะที่ 1.5384 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.5418 ดอลลาร์สหรัฐ

ส่วนค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียพุ่งขึ้น 0.48% แตะที่ 1.0093 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.0045 ดอลลาร์สหรัฐ และค่าเงินดอลลาร์นิวซีแลนด์พุ่งขึ้น 1.24% แตะที่ 0.7589 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7496 ดอลลาร์สหรัฐ

ความวิตกกังวลเกี่ยวกับปัญหาหนี้ยุโรปยังคงกดดันสกุลเงินยูโร นับตั้งแต่กรีซและไอร์แลนด์ประสบปัญหาการขาดดุลงบประมาณและหนี้สาธารณะจนทำให้ต้องขอความช่วยเหลือด้านการเงินจากกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) และสหภาพยุโรป

ค่าเงินเยนแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ หลังจากกระทรวงเศรษฐกิจ การค้า และอุตสาหกรรมของญี่ปุ่นเปิดเผยเมื่อวานนี้ว่า ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนพ.ย.ขยายตัว 1.0% จากเดือนต.ค. ทำสถิติขยายตัวเป็นครั้งแรกในรอบ 6 เดือน และมากกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 0.9 % เนื่องจากผลผลิตยานยนต์ปรับตัวสูงขึ้น

รายงานของกระทรวงฯระบุว่า ดัชนีผลผลิตภาคอุตสาหกรรมโดยรวมเดือนพ.ย.ยืนอยู่ที่ระดับ 91.8 จุด เทียบกับระดับสูงสุด 100 จุดของปี 2548 ส่วนดัชนีการขนส่งในภาคอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้น 2.5% แตะที่ 94.6 จุด และดัชนีสต็อกสินค้าในภาคอุตสาหกรรมลดลง 1.7% แตะระดับ 95.0 จุด

ขณะที่ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนตัวลงหลังจากคอนเฟอเรนซ์ บอร์ด รายงานว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนธ.ค.ร่วงลงสู่ระดับ 52.5 จุด ซึ่งเป็นการปรับตัวลงที่สวนทางกับการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ และสแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์/เคส ชิลเลอร์เปิดเผยว่า ราคาบ้านใน 20 เขตเมืองของสหรัฐ รวมถึงนิวยอร์ก ไมอามี และบอสตัน ร่วงลง 1.3% ในเดือนต.ค. หลังจากปรับตัวลดลง 0.7% ในเดือนก.ย.

อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่า เศรษฐกิจสหรัฐจะขยายตัวรวดเร็วขึ้นในไตรมาส 4 เนื่องจากผู้บริโภคจับจ่ายใช้สอยมากขึ้น และคาดว่าเศรษฐกิจจะขยายตัวต่อเนื่องไปจนถึงปีหน้า โดยเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว กระทรวงพาณิชย์ได้ปรับเพิ่มการประมาณการตัวเลขจีดีพีไตรมาส 3 เป็นขยายตัว 2.6% ต่อปี เพิ่มขึ้นจากการประมาณการครั้งก่อนที่ระดับ 2.5% ต่อปี หลังจากภาคเอกชนปรับเพิ่มสต็อกสินค้า

ทางการสหรัฐจะเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญในสัปดาห์นี้ รวมถึงจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ยอดทำสัญญาซื้อบ้านที่รอปิดการขาย (pending home sales) เดือนพ.ย. และดัชนีภาคการผลิตเดือนธ.ค.


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ