หอการค้าไทย ระบุดัชนีสถานการณ์คอรัปชันไทยถือว่าอยู่ในขั้นโคม่า

ข่าวเศรษฐกิจ Wednesday December 29, 2010 17:12 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยถึงดัชนีสถานการณ์การคอรัปชันไทย(Corruption Situation Index)ว่า ดัชนีสถานการณ์คอร์รัปชันไทยรวมอยู่ที่ 3.5 คะแนนจากเต็ม 10 คะแนน ถือว่าอยู่ในขั้นรุนแรงมาก โดยดัชนีสถานการณ์ในอยู่ที่ 3.2 คะแนน ถือว่ารุนแรงมาก และดัชนีแนวโน้มในอนาคตรวมอยู่ที่ 3.8 คะแนน ถือว่าแย่ลงเมื่อเทียบกับสถานการณ์เมื่อ 3 ปีก่อน

สำหรับดัชนีปัญหาและความรุนแรงของคอรัปชันรวมอยู่ที่ 3.3 คะแนน ถือว่าปัญหายังรุนแรงมาก โดยความรุนแรงในปัจจุบันอยู่ที่ 3.6 และแนวโน้มปัญหาความรุนแรงอยู่ที่ 2.9 ซึ่งปัญหาจะรุนแรงมากขึ้นในอนาคตเมื่อเทียบกับเมื่อ 3 ปีก่อน ส่วนดัชนีการป้องกันการคอรัปชันรวมอยู่ที่ 4.3 ขณะที่ดัชนีการปราบปรามการคอรัปชันรวมอยู่ที่ 3.7 และดัชนีการสร้างจริยธรรมและจิตสำนึกรวมอยู่ที่ 2.9

“จากการสำรวจพบว่า ดัชนีสถานการณ์คอร์รัปชันไทยอยู่ในขั้นรุนแรงมาก โดยนักธุรกิจเป็นกลุ่มที่เห็นว่า สถานการณ์เลวร้ายที่สุด เพราะให้คะแนนเพียง 2.9 ขณะที่ข้าราชการ และประชาชนให้คะแนนอยู่ในระดับ 3 ซึ่งหากคะแนนยิ่งใกล้ 0 เท่ากับว่าสถานการณ์จะเลวร้าย และรุนแรงมากที่สุด แต่หากคะแนนใกล้เคียง 10 ถือว่า สถานการณ์ไม่รุนแรงเลย" นายธนวรรธน์กล่าว

ด้านนางเสาวณีย์ ไทยรุ่งโรจน์ รองอธิการบดีฝ่ายวิจัย มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวว่า จากการสำรวจยังพบอีกว่า ผู้ประกอบการประมาณการว่ามูลค่าการทุจริตคอรัปชันมีวงเงินสูงถึง 25-30% ของวงเงินงบประมาณ หรือในปี 53 มีมูลค่าอยู่ที่ 169,100-202,920 ล้านบาท จากงบลงทุนของรัฐวิสาหกิจ รวมกับค่าครุภัณฑ์ ที่ดิน และสิ่งปลูกสร้าง รวมทั้งสิ้น 676,400 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วนสูงถึง 9.95-11.94% ของงบประมาณรายจ่ายที่ 1.7 ล้ นล้านบาท และมีสัดส่วนที่ 1.69-2.03% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ(จีดีพี) ที่ 10 ล้านล้านบาท

ด้านนายดุสิต นนทะนาคร ประธานกรรมการหอการค้าไทย กล่าวว่า หากประเทศไทยไม่เร่งแก้ปัญหาคอรัปชัน เชื่อว่าในอนาคตประเทศจะไม่มีทางเจริญก้าวหน้า และพัฒนาไปได้ โดยทุกฝ่ายจะต้องช่วยกันแก้ปัญหาคอรัปชัน โดยรัฐบาลต้องแก้ไขปรับปรุงกฎหมาย กฎระเบียบการทำงาน เพื่อให้เกิดความโปร่งใส ส่วนนักธุรกิจก็ร่วมกันไม่จ่ายเงินให้นักการเมือง ข้าราชการ

“ถึงเวลาแล้วที่ทุกฝ่ายจะต้องหยุดทำเพื่อตัวเอง ทำเพื่อประเทศชาติได้แล้ว ถ้ายังไม่เลิกโกงกิน ไม่เลิกจ่าย ประเทศชาติจะย่อยยับแน่ แล้วตอนนั้น ประชาชนจะอยู่ยังไง"นายดุสิต กล่าว

ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ได้ทำการสำรวจจากผู้ประกอบการและภาคเอกชน 420 ตัวอย่าง ข้าราชการ/ภาครัฐ 400 ตัวอย่าง และประชาชน 400 ตัวอย่าง รวม 1,200 ตัวอย่าง ระหว่างเดือนพ.ย.-ธ.ค.53


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ