นางสาวโสภาวดี เลิศมนัสชัย เลขาธิการ กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) กล่าวว่า ในปี 54 เศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มฟื้นตัวต่อเนื่องจากปี 53 คาดว่าเศรษฐกิจขยายตัวที่ 4-4.5% โดยมีปัจจัยหนุนคือการบริโภคและการลงทุนที่ดีขึ้น ขณะที่การส่งออกทรงตัวในเกณฑ์ดีและอัตราเงินเฟ้อยังคงทรงตัวอยู่ที่ระดับ 3-4.0% โดยอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ดีต่อเนื่องและการปรับตัวของราคาสินค้าเกษตรจะเพิ่มแรงกดดันต่ออัตราเงินเฟ้อในประเทศ
ทั้งนี้ คาดว่าธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)จะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอ้างอิงอีกประมาณ 0.75-1.25% ทำให้อัตราดอกเบี้ยอ้างอิงในปี 54 จะปรับตัวขึ้นไปอยู่ในระดับ 2.75-3.25% คาดว่าจะยังมีเงินทุนจากต่างประเทศยังคงไหลเข้ามาในภูมิภาคเอเชียซึ่งปัจจัยดังกล่าวจะทำให้ค่าเงินบาทมีแนวโน้มแข็งค่าขึ้นเล็กน้อยโดยอัตราค่าเงินบาทเฉลี่ยจะอยู่ประมาณ 29.10 บาท/ดอลลาร์สหรัฐจากปี53 ที่ค่าเงินบาทเคลื่อนไหวเฉลี่ย 31.70 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ
ส่วนเศรษฐกิจโลก มองแนวโน้มแบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม กลุ่มแรกคือประเทศพัฒนาแล้วมีการขยายตัวทางเศรษฐกิจอยู่ในระดับต่ำและยังมีปัจจัยเสี่ยงหลายด้าน เช่น สหรัฐอเมริกาที่ยังคงมีปัญหาสินเชื่อที่อยู่อาศัยและอัตราการว่างงานที่อยู่ในระดับสูง ขณะที่ประเทศในแถบยุโรปยังมีปัญหาหนี้สาธาณะทำให้อัตราการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจอาจจะชะลอตัวลงจากปี 53
สำหรับประเทศพัฒนาแล้ว คาดว่ายังคงดำเนินนโยบายการเงินแบบผ่อนคลายด้วยการคงอัตราดอกเบี้ยในระดับต่ำต่อไปและการเพิ่มปริมาณเงินในระบบเศรษฐกิจ ส่วนประเทศกำลังพัฒนาในภูมิภาคเอเชียและประเทศไทยจะเริ่มใช้นโยบายการเงินแบบเข้มงวด
นางสาวโสภาวดี กล่าวว่า ในปี 54 กบข.ได้กำหนดให้เป็นปีแห่งการรณรงค์การออมเพิ่ม-ออมต่อ และมีแผนงานจะหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อหามาตรการจูงใจ (Incentive Package) ที่ให้ประโยชน์กับสมาชิกกบข.อย่างเป็นรูปธรรมเพื่อให้สมาชิก กบข. หันมาให้ความสำคัญกับการออมมากขึ้น
“การออมถือเป็นภารกิจร่วมกันของทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับประชาชน เพราะหากประชาชนเกิดการออมอย่างจริงจังก็จะทำให้สภาพสังคมโดยรวมแข็งแรง เศรษฐกิจก็จะเติบโตแข็งแรง นำความมั่นคงแท้จริงมาสู่ประเทศ" นางสาวโสภาวดี กล่าว