สำนักงานสถิติแห่งสหภาพยุโรป หรือ ยูโรสแตท รายงานว่า อัตราเงินเฟ้อในกลุ่มประเทศที่ใช้เงินยูโรปรับตัวขึ้นสูงกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ไว้ และเหนือกว่าระดับเป้าหมาย 2% ที่ธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) กำหนดไว้เป็นครั้งแรกในรอบกว่าสองปี ซึ่งเป็นผลมาจากราคาพลังงานและสินค้าโภคภัณฑ์ที่ทะยานขึ้น
อัตราเงินเฟ้อยูโรโซนปรับตัวขึ้นแตะ 2.2% ในเดือนธันวาคม 2553 จากระดับ 1.9% ในเดือนพฤศจิกายน ซึ่งตัวเลขเงินเฟ้อที่ได้รับการเปิดเผยล่าสุดนี้ถือเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนตุลาคม 2551
สำหรับสาเหตุหลักที่ทำให้เงินเฟ้อขยายตัวขึ้นนั้น เป็นเพราะราคาพลังงานและราคาอาหารที่แพงขึ้น
ทั้งนี้ อีซีบีกำหนดเป้าหมายการขยายตัวของเงินเฟ้อไม่ให้เกิน 2% เพื่อรักษาเสถียรภาพของราคา โดยเมื่อเดือนที่แล้ว อีซีบีคาดการณ์ว่า อัตราเงินเฟ้อในยูโรโซนจะอยู่ที่ราว 1.8% ในปีนี้ และ 1.5% ในปี 2555
อย่างไรก็ตาม แม้แรงกดดันเงินเฟ้อจะเพิ่มสูงขึ้น แต่นักวิเคราะห์เชื่อว่า ธนาคารกลางยุโรปจะไม่ตัดสินใจขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเร็วๆ นี้ เมื่อพิจารณาจากการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่ยังลุ่มๆดอนๆ ของหลายประเทศในยูโรโซน
เมื่อต้นเดือนธ.ค.ที่ผ่านมา อีซีบีได้ประกาศคงอัตราดอกเบี้ยที่ 1% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์นับตั้งแต่เริ่มมีการใช้เงินสกุลยูโรเมื่อปี 2542