(เพิ่มเติม) SCB ปรับเพิ่ม GDP ไทยปี 54 เป็น 4-5% มองศก.สหรัฐดีกว่าคาด-ประชาวิวัฒน์หนุน

ข่าวเศรษฐกิจ Friday January 7, 2011 15:40 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ฝ่ายวิจัยธนาคารไทยพาณิชย์(SCB EIC) ปรับเพิ่มประมาณการอัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจไทย(จีดีพี)ในปี 54 เพิ่มขึ้นเป็น 4-5% จากเดิมคาด 3.5-4.5% เนื่องจากมองว่าแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐฯ จะขยายตัวได้ดีกว่าที่คาดการณ์ไว้มาที่ 3.3% เร่งตัวจากปีก่อน 2.9% เป็นผลจากการที่ภาครัฐต่ออายุมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ และแนวโน้มที่ดีขึ้นของการใช้จ่ายภาคเอกชนภายในประเทศ โดยเฉพาะจากการเพิ่มเงินกองทุนหมู่บ้านภายใต้แผน"ประชาวิวัฒน์"

แต่มองว่าจีดีพีของไทยในปีนี้จะชะลอลงจากปีก่อนที่ขยายตัว 7.5-8.0% การส่งออก(ไม่รวมทองคำ)ยังเติบโตได้ในระดับ 13% แม้ว่าจะชะลอลงจาก 29% ในปีก่อน

ส่วนอัตราเงินเฟ้อทั่วไปในปีนี้จะอยู่ที่ 3% ต่ำกว่า 3.3% ในปีก่อน แม้ว่าจะไม่สูงจนน่ากังวล แต่ก็ยังสูงกว่าอัตราดอกเบี้ยเงินฝาก ดังนั้น คาดว่าธนาคารแห่งประเทศ(ธปท.) น่าจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายอีกมาที่ 2.50-2.75% ภายในสิ้นปี 54 ซึ่งเป็นการปรับขึ้นที่ไม่มาก และเหตุผลหนึ่งคือแนวโน้มการแข็งค่าของเงินบาทที่คาดว่าจะแข็งค่าแตะ 28.50 บาท/ดอลลาร์ภายในปีนี้

แม้ว่าราคาน้ำมันจะเป็นช่วงขาขึ้น แต่การต่ออายุมาตรการช่วยเหลือค่าครองชีพจะช่วยไม่ให้เงินเฟ้อเร่งตัวขึ้นมาก ขณะที่คาดว่าเงินเฟ้อพื้นฐานจะมีแนวโน้มเร่งตัวขึ้นจาก 0.9% ในปี 53 เป็น 1.5% ในปี 54 แต่ยังอยู่ในกรอบเป้าหมายเงินเฟ้อที่ ธปท.กำหนดไว้

นายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB) คาดว่าในการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.)สัปดาห์หน้าจะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายราว 0.25% และครั้งต่อไปขึ้นอีก 0.25% ถือเป็นจังหวะที่ดีเพราะเงินบาทยังไม่แข็งค่าขึ้นมาก แต่ทั้งปีดอกเบี้ยนโยบายก็จะปรับขึ้นไปตามคาดไปที่ 2.50-2.75%

สำหรับปัจจัยพื้นฐานเศรษฐกิจสหรัฐฯ จะดีขึ้นทั้งการขาดดุลบัญชีเดินสะพัดและการกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยการเพิ่มปริมาณเงินน่าจะทำให้เงินดอลลาร์สหรัฐมีแนวโน้มอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลหลักในเอเชีย เช่น หยวน ซึ่งสำนักวิจัยต่างประเทศคาดว่าหยวนจะแข็งค่า 4-6% ในปีนี้ ค่าเงินบาทในระยะยาวก็จะแข็งค่าด้วย 5-6%

ค่าเงินบาทที่อ่อนค่าลงในระยะนี้ คาดว่าจะเป็นช่วงสั้น เนื่องจากเงินดอลลาร์สหรัฐกลับมาแข็งค่าในระยะสั้นจากนักลงทุนที่กังวลปัญหายุโรป มาถือเงินดอลลาร์สหรัฐ แต่ก็เชื่อว่าในที่สุดยุโรปจะมีมาตรการออกมาฟื้นฟูเศรษฐกิจ ก็จะทำให้ความกังวลของนักลงทุนลดลง และจะกลับไปถือเงินยูโร ซึ่งจะทำให้ดอลลาร์สหรัฐกลับมาอ่อนค่าอีกครั้ง กลับกันก็จะให้เงินบาทกลับมาแข็งค่าขึ้นด้วย

ประกอบกับค่าเงินหยวนในปีนี้จะมีอิทธิผลต่อค่าเงินในภูมิภาคและค่าเงินบาทมาก โดยเมื่อปี 53 ค่าเงินหยวนแข็งค่าขึ้นแค่ 3.3% แต่ในปีนี้คาดว่าจะแข็งค่ามากกว่านั้น เพราะมองว่าจีนจะรักษาค่าเงินได้เท่ากับปีก่อนได้ลำบาก เพราะมีปัญหาการเมืองระหว่างจีนและสหรัฐฯ ที่จะมีผลต่อเรื่องกำแพงภาษี มองว่าค่าเงินหยวนน่าจะแข็งค่าขึ้น 5% ดังนั้นเงินบาทก็น่าจะแข็งค่าในราว ๆ นี้


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ