ผลการสำรวจความคิดเห็นของนักเศรษฐศาสตร์ชั้นนำของจีน 56 คนพบว่า นักเศรษฐศาสตร์ส่วนใหญ่เชื่อว่าอัตราเงินเฟ้อที่อยู่ในระดับสูงของจีนมีแนวโน้มจะยังคงดำเนินต่อไปจนถึงไตรมาสที่ 2 หรือ 3 ของปีนี้
หนังสือพิมพ์รายสัปดาห์ อิโคโนมิค อ็อบเซิร์ฟเวอร์ ซึ่งจัดทำการสำรวจดังกล่าวระบุว่า ราว 21% ของนักเศรษฐศาสตร์เชื่อว่า อัตราเงินเฟ้อที่ระดับสูงของจีนในปัจจุบันอาจจะดำเนินไปจนถึงไตรมาสที่ 3 ของปีนี้ ในขณะที่ 58% เชื่อว่าอัตราเงินเฟ้ออาจจะลดลงในไตรมาสที่ 2
นอกจากนี้ 58% ของนักเศรษฐศาสตร์กล่าวว่าอัตราเงินเฟ้อจะยังอยู่ในระดับที่สูงในไตรมาสที่ 1 ของปีนี้ หลังจากที่ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ซึ่งเป็นมาตรชี้วัดภาวะเงินเฟ้อที่สำคัญ พุ่งแตะสถิติสูงสุดในรอบ 28 เดือนที่ 5.1% เมื่อเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา
ทั้งนี้ นักเศรษฐศาสตร์จากบล.ไชน่า เจียนยิน อินเวสต์เม้นท์ ระบุในการสำรวจว่า อัตราเงินเฟ้ออาจแตะระดับสูงสุดที่ 6.3% ในเดือนมิถุนายนของปีนี้ แต่ CPI จะลดลงสู่ระดับต่ำกว่า 4% ตั้งแต่เดือนตุลาคมเป็นต้นไป
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า 33% ของนักเศรษฐศาสตร์ทั้งหมดเชื่อว่าราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่ปรับตัวสูงขึ้นในตลาดโลกและราคาอาหารภายในประเทศที่พุ่งขึ้น จะเป็น 2 ปัจจัยหลักที่ผลักดันให้ดัชนีดังกล่าวปรับตัวขึ้น ในขณะที่ 28% เชื่อว่า สภาพคล่องที่สูงเกินไปของตลาดเป็นปัจจัยหลักที่ทำให้ภาวะเงินเฟ้ออยู่ในระดับที่สูง