ผลการสำรวจความคิดเห็นของนักเศรษฐศาสตร์ชั้นนำของจีน 56 คนพบว่า นักเศรษฐศาสตร์ส่วนใหญ่เชื่อว่าอัตราเงินเฟ้อที่อยู่ในระดับสูงของจีนมีแนวโน้มจะยังคงดำเนินต่อไปจนถึงไตรมาสที่ 2 หรือ 3 ของปีนี้
หนังสือพิมพ์รายสัปดาห์ อิโคโนมิค อ็อบเซิร์ฟเวอร์ ซึ่งจัดทำการสำรวจดังกล่าวระบุว่า ราว 21% ของนักเศรษฐศาสตร์เชื่อว่า อัตราเงินเฟ้อที่ระดับสูงของจีนในปัจจุบันอาจจะดำเนินไปจนถึงไตรมาสที่ 3 ของปีนี้ ในขณะที่ 58% เชื่อว่าอัตราเงินเฟ้ออาจจะลดลงในไตรมาสที่ 2
นอกจากนี้ 58% ของนักเศรษฐศาสตร์กล่าวว่าอัตราเงินเฟ้อจะยังอยู่ในระดับที่สูงในไตรมาสที่ 1 ของปีนี้ หลังจากที่ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ซึ่งเป็นมาตรชี้วัดภาวะเงินเฟ้อที่สำคัญ พุ่งแตะสถิติสูงสุดในรอบ 28 เดือนที่ 5.1% เมื่อเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา
-- ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่ถือบัตรธนาคารของจีนในเดือนธ.ค. ซึ่งรวบรวมโดยสำนักข่าวซินหัวและไชน่า ยูเนี่ยนเปย์ ขยับขึ้นเพียง 0.06% จากเดือนพ.ย. แตะระดับ 85.92 จุด เนื่องจากโปรโมชั่นการขายในช่วงเทศกาลคริสต์มาสและปีใหม่ได้ช่วยกระตุ้นการอุปโภคบริโภคให้สูงขึ้น
นอกจากนี้ ข้อมูลระบุว่า ตัวเลขการใช้จ่ายซื้อสินค้าที่ไม่จำเป็น เช่น สินค้าเพื่อความบันเทิงและเครื่องประดับ ปรับตัวเพิ่มขึ้น 12.4% จากเดือนพ.ย. เนื่องจากเงินโบนัสช่วงปลายปีที่จ่ายให้กับพนักงานบริษัทนั้น ทำให้กำลังการซื้อของคนกลุ่มนี้เพิ่มขึ้นด้วย
-- กรมสรรพากรของจีนเปิดเผยว่า รายได้จากการจัดเก็บภาษีปี 2553 ของจีนเพิ่มขึ้น 22.6% เมื่อเทียบกับปี 2552 มาที่ 7.74 ล้านล้านหยวน หรือ 1.17 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ
รายงานระบุว่า รายได้จากการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม เพิ่มขึ้น 14.8% ขณะที่รายได้จากการจัดเก็บภาษีอุปโภคบริโภคปรับตัวเพิ่มขึ้น 27.5% รายได้จากการจัดเก็บภาษีการขาย ปรับตัวเพิ่มขึ้น 23.8% และรายได้จากการจัดเก็บภาษีเงินได้ ปรับตัวเพิ่มขึ้น 20.4%
นอกจากนี้ รายได้จากการจัดเก็บภาษีนำเข้าตลอดปี 2553 ปรับตัวเพิ่มขึ้น 35.9% มาที่ 1.05 ล้านล้านหยวน สำนักข่าวซินหัวรายงาน