ผลผลิตกาแฟของอินโดนีเซียมีแนวโน้วร่วงลงต่อในปีนี้ เหตุสภาพอากาศเลวร้าย

กลุ่มผู้ส่งออกกาแฟของอินโดนีเซียประมาณการว่า ผลผลิตกาแฟของประเทศจะลดลงอีก 8.3% มาอยู่ที่ราว 550,000 ตันในปีนี้ จากระดับ 600,000 ตันในปี 2553 เนื่องจากสภาพอากาศที่ไม่เอื้ออำนวย

หนังสือพิมพ์จาการ์ตา โพสต์ รายงานว่า ราชิม การ์ตาบราตา เลขาธิการทั่วไปของสมาคมผู้ส่งออกกาแฟอินโดนีเซีย (AEKI) กล่าวว่า ผลผลิตกาแฟปีนี้จะลดลงเพราะสภาพอากาศที่รุนแรงและฝนที่ตกลงมาเกินความจำเป็น

"อากาศที่รุนแรงและฝนที่ตกหนักเกินความจำเป็นจะทำให้เมล็ดกาแฟลดลงหรือด้อยคุณภาพ" เขากล่าว พร้อมกับเสริมว่า ปัจจัยอีกประการหนึ่งที่คุกคามผลผลิตกาแฟโดยรวมคือ การรุกล้ำพื้นที่ปลูกกาแฟ

อย่างไรก็ตาม ข้อมูลของกระทรวงการเกษตรแตกต่างออกไปจากการประเมินของ AEKI โดยข้อมูลระบุว่า ผลผลิตกาแฟของอินโดนีเซียในปี 2553 มีปริมาณอยู่ที่ 479,000 ตัน ซึ่งเป็นตัวเลขที่ต่ำกว่ามากจากเป้าหมายที่วางไว้ก่อนหน้านี้ที่ 698,000 ตัน

ด้านสำนักงานบริการการเกษตรต่างประเทศของกระทรวงการเกษตรสหรัฐ ประเมินว่า ผลผลิตกาแฟของอินโดนีเซียจะลดลงเหลือ 8 ล้านกระสอบ (480,000 ตัน) ในปีเก็บเกี่ยวซึ่งจะสิ้นสุดลงในเดือนมีนาคมปีนี้ ทางสำนักงานยังได้คาดการณ์ด้วยว่า การส่งออกกาแฟของประเทศจะลดลงอีกประมาณ 17%

AEKI ประเมินว่า อินโดนีเซีย ซึ่งเป็นผู้ผลิตกาแฟรายใหญ่อันดับ 4 ของโลก รองจากบราซิล เวียดนาม และโคลัมเบีย จะส่งออกกาแฟ 300,000 ตันในปีนี้ และจะเก็บสำรองไว้ราว 180,000 ตัน เพื่อเป็นสต็อกและเพื่อตอบสนองความต้องการภายในประเทศ

โดยในปี 2553 อินโดนีเซียส่งออกเมล็ดกาแฟในปริมาณ 350,000 ตัน ซึ่งลดลงจากปริมาณการส่งออกที่ 401,000 ตันในปี 2552 แต่มีรายได้เพิ่มขึ้นเป็น 795.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 772 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

การส่งออกกาแฟในปีที่แล้วประกอบด้วย เมล็ดกาแฟโรบัสต้า 280,000 ตัน (คิดเป็นมูลค่า 504.4 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) เมล็ดกาแฟอราบิก้า 56,000 ตัน (224.1 ล้านดอลลาร์) และเมล็ดกาแฟผสม 14,000 ตัน (61 ล้านดอลลาร์)

ราชิมกล่าวว่า แม้ปริมาณการส่งออกกาแฟอาจลดลง แต่มูลค่ามีแนวโน้มว่าจะสูงขึ้น เพราะอุปทานทั่วโลกที่ตึงตัวอาจผลักดันให้ราคากาแฟปรับตัวขึ้นในปีนี้ สำนักข่าวซินหัวรายงาน