นายกฤชรัตน์ หิรัณยศิริ ประธานกลุ่มบริษัท แม่ทองสุก เอ็มทีเอส โกลด์ เปิดเผยว่า ราคาทองคำเฉลี่ยปี 54 จะอยู่ที่ระดับไม่ต่ำกว่า 1,500 เหรียญ/ออนซ์ และหากช่วงครึ่งปีแรกทองคำสามารถขึ้นไปแตะระดับ 1,500 เหรียญ/ออนซ์ได้ก็มีโอกาสที่ราคาทองจะปรับขึ้นไปแตะจุดสูงสุดที่ระดับ 1,600 เหรียญ/ออนซ์ หรือคิดเป็นราคาบาทละ 2.2-2.3 หมื่นบาท(ในกรณีที่เงินบาทเคลื่อนไหวอยู่ที่ระดับประมาณ 30-31 บาท/ดอลลาร์) จากระดับราคาปัจจุบันที่ระดับ 1,370 เหรียญ/ออนซ์
ทั้งนี้ ยังมั่นใจว่าปีนี้ทองคำยังอยู่ในช่วงขาขึ้นและยังสามารถลงทุนได้อยู่ เนื่องจากความต้องการทองคำในตลาดโลกยังมีอยู่สูง โดยเฉพาะในประเทศจีนที่ช่วงนี้ใกล้สู่ช่วงเทศกาลตรุษจีนจึงทำให้ทองคำขาดตลาด
"ทองคำช่วงนี้ขาดตลาด ผลิตไม่ทัน เอาเข้าไม่ทัน จากความต้องการของตลาดทั่วโลก โดยเฉพาะที่จีนที่ private sector ที่เป็นนักลงทุนทั่วไปซื้อมหาศาล เนื่องจากใกล้ช่วงเทศกาลตรุษจีน การส่งมอบทองคำแท่งในสัปดาห์นี้ถ้าสั่งซื้อเยอะๆ ต้องส่งมอบล่าช้าไปถึงสัปดาห์หน้าแทน หลังมี real demand เข้า เราจึงเชื่อว่าราคาทองคำจะหยุดตก แต่ถ้าให้มั่นใจต้องรอดูราคาวันนี้และคืนพรุ่งนี้ก่อน"นายกฤชรัตน์ กล่าว
ประกอบกับ เศรษฐกิจสหรัฐก็ยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ แม้ตัวเลขการว่างงานของสหรัฐฯจะลดลงสู่ระดับ 9.4% แต่ก็ยังถือว่าอยู่ในระดับที่สูง ซึ่งตัวเลขการว่างงานควรอยู่ที่ระดับ 6% จึงจะแสดงว่าเศรษฐกิจกลับมาฟื้นตัวอย่างแท้จริง
นายกฤชรัตน์ กล่าวว่า การที่ราคาทองคำปรับตัวลดลงในช่วงสัปดาห์ก่อน โดยลงไปที่ระดับ 1,352 เหรียญ/ออนซ์ เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา จากราคาเปิดตลาดปีนี้ที่ระดับ 1,420 เหรียญ/ออนซ์ ถือเป็นการพักฐานหลังปรับตัวขึ้นมาแรงเมื่อปีที่แล้ว ทั้งนี้ คาดว่าราคาทองคำจะพักฐานที่ระดับประมาณ 1,360-1,380 ดอลลาร์/ออนซ์ ไปอีกประมาณ 10 วัน ก่อนที่จะปรับตัวขึ้นใหม่ ด้านราคาทองคำในประเทศจะยังคงเคลื่อนไหวอยู่ที่ระดับ 19,700-19,850 บาท
ด้านกลยุทธ์การลงทุน สำหรับนักลงทุนระยะสั้น แนะนำซื้อเมื่อราคาอ่อนตัวลง และสามารถขายบริเวณแนวต้าน 19,850 บาท ส่วนนักลงทุนระยะยาวแนะนำซื้อแล้วถือข้ามเทศกาลตรุษจีน
และในปี 54 นี้คาดว่า Gold Future ช่วงปลายปีมีโอกาสเติบโตถึง 100% จากปัจจุบันที่มีสัญญาการซื้อขายประมาณ 4 พันสัญญาจะเพิ่มขึ้นเป็น 8 พันสัญญา ส่วนการซื้อขาย Mini Gold Futures ขนาด 10 บาท จะมีสัดส่วนเพิ่มขึ้นเป็นครึ่งหนึ่งของ Gold Futures ขนาด 50 บาท
นายกฤชรัตน์ กล่าวว่า ในช่วงไตรมาส 2/54 ตลาดทองคำและ Gold Future จะผลิตภัณฑ์ใหม่ออกมาอีก 3 ตัว ได้แก่ Gold ETF, Silver Futures และการขยายเวลาเทรดของ Gold Futures ไปถึง 22.30 น. จากปัจจุบันที่ 17.00 น. ซึ่งบริษัทฯก็พร้อมที่จะออกผลิตภัณฑ์ใหม่ๆดังกล่าว
ขณะที่ด้านผลประกอบการของบริษัท นายกฤชรัตน์ กล่าวว่า ปี 53 ที่ผ่านมาในด้านธุรกิจการซื้อขายทองคำมีมูลค่าการซื้อขายทองคำแท่งและทองรูปพรรณรวมทั้งสิ้นมากกว่า 170 ตัน คิดเป็นมูลค่ารวมประมาณ 170,000 ล้านบาท หรือเติบโตประมาณ 30% จาก ปี 52 เนื่องจากธุรกิจด้านการลงทุนทองคำแท่งได้รับการตอบรับจากนักลงทุนเป็นอย่างมาก หลังราคาทองคำในตลาดโลกมีความเคลื่อนไหวค่อนข้างมาก
ประกอบกับ บริษัทฯมีการพัฒนานวัตกรรมเกี่ยวกับการลงทุนทองคำใหม่ๆเพื่อรองรับการให้บริการกับลูกค้า จึงส่งผลให้ฐานลูกค้าเพิ่มขึ้นกว่า 30% โดยปัจจุบันมีนักลงทุนสนใจใช้บริการลงทุนทองคำแท่งเป็นประจำกว่า 2,000 ราย ทั้งนี้บริษัทฯตั้งเป้ามูลค่าซื้อขายจากการลงทุนทองคำแท่งรวมในปี 54 เพิ่มขึ้นถึง 200,000 ล้านบาท เนื่องจากบริษัทฯ ได้พัฒนารูปแบบและการให้บริการอย่างต่อเนื่อง รวมถึงตลาดการลงทุนมีอัตราการเติบโตอย่างคึกคักเป็นปัจจัยสนับสนุน
ด้านธุรกิจการลงทุนซื้อขายสัญญาการลงทุนทองคำล่วงหน้าที่ดำเนินการผ่านบริษัทเอ็มทีเอส โกลด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด ในปี 53 บริษัทฯมีมาร์เก็ตแชร์เป็นอันดนที่ 1 ในจำนวน 5 โบรกเกอร์ทองคำ โดยมีส่วนแบ่งทางการตลาดอยู่ที่ 18% ทั้งนี้บริษัทฯตั้งเป้าการเติบโตในการซื้อขายโกลด์ ฟิวเจอร์สในปี 54 ไว้ประมาณ 20-25% ซึ่งในปีที่ผ่านมาปริมาณสัญญาการซื้อขายของตลาดโกลด์ ฟิวเจอร์สโดยรวมมีประมาณ 300,000 สัญญา เฉลี่ยการซื้อขายประมาณ 25,000 สัญญาต่อเดือน ซึ่งคิดเป็นอัตราเพิ่มขึ้น 200% จากปีก่อน ซึ่งในปีนี้คาดว่าตลาดการลงทุนโกลด์ ฟิวเจอร์สจะได้รับการตอบรับจากนักลงทุนและลูกค้าทั่วไปมากขึ้น เนื่องจากนักลงทุนมีความรู้และความเข้าใจในสินค้านี้เพิ่มขึ้น