นายประสงค์ พูนธเนศ อธิบดีกรมศุลกากร เปิดเผยว่า เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนปราบปรามที่ 2 ส่วนสืบสวนปราบปรามที่ 1 สำนักสืบสวนปราบปราม ร่วมกับเจ้าหน้าที่ด่านศุลกากรอรัญประเทศ ตรวจค้นรถบรรทุก 6 ล้อ 2 คันที่บริเวณจังหวัดสระแก้ว ขณะมุ่งหน้าไปยังชายแดนไทย-กัมพูชา ห่างจากชายแดนประมาณ 3 กิโลเมตร ตรวจสอบพบก๊าซหุงต้มบรรจุถังเหล็กระบุเมืองกำเนิดประเทศกัมพูชา น้ำหนักถังละ 48 กิโลกรัม จำนวน 315 ถัง น้ำหนักรวม 15,120 ก.ก. รวมมูลค่า 1,000,000 บาท
จากการสอบถามนายประเสริฐ พุฒทอง และนายชินวร เพ็ชรสิน ผู้ขับขี่ยอมรับว่าจะลักลอบนำแก๊สหุงต้มดังกล่าวส่งออกไปยังประเทศกัมพูชา โดยนัดหมายส่งมอบกันที่บริเวณชายแดน แต่ได้ถูกเจ้าหน้าที่ฯ จับกุมเสียก่อน เจ้าหน้าที่ฯ จึงจับกุมตัวนายประเสริฐ และนายชินวร เป็นผู้ต้องหาดำเนินคดีต่อไป
กรณีดังกล่าวเป็นความผิดฐานลักลอบและนำหรือพาของที่ยังไม่ได้เสียค่าภาษี หรือของต้องห้าม ของต้องกำกัด หรือของที่ยังไม่ผ่านศุลกากรโดยถูกต้องเข้ามาในหรือออกนอกราชอาณาจักร อันเป็นความผิดตามมาตรา 27 แห่ง พ.ร.บ.ศุลกากร พ.ศ. 2469 ประกอบมาตรา 16, 17 แห่ง พ.ร.บ.ศุลกากร (ฉบับที่ 9) พ.ศ. 2482 และกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง เจ้าหน้าที่ฯ จึงได้ยึดของกลางนำส่งกรมศุลกากรเพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
อนึ่ง รัฐบาลต้องใช้เงินภาษีของประชาชนในการอุดหนุนเพื่อตรึงราคาก๊าซหุงต้มเพื่อให้คนไทยใช้ก๊าซหุงต้มภายในประเทศราคาถูก ประมาณ 19.38 บาท/กิโลกรัม การจับกุมครั้งนี้จึงป้องกันการสูญเสียเงินภาษีอากรในการอุดหนุนประมาณ 300,000 บาท ซึ่งกลุ่มขบวนการลักลอบแก๊สไทยขายกัมพูชายังมีปริมาณมาก สร้างความเสียหายในด้านภาษีและเงินอุดหนุนจำนวนมาก กรมศุลกากรจะได้ดำเนินการปราบปรามอย่างเข้มงวดต่อไป