นายสุรศักดิ์ เรียงเครือ รองอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ (คต.) กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ล่าสุดคณะกรรมาธิการยุโรปได้ปรับปรุงกฎระเบียบว่าด้วยการตรวจสอบสินค้านำเข้าประเภทอาหารสัตว์และอาหารมนุษย์ที่มิได้มีแหล่งกำเนิดจากสัตว์ (Commission Regulation (EC) No 669/2009 of 24 July 2009) โดยเพิ่มความเข้มงวดในการตรวจสอบสารตกค้างทางการเกษตรและเชื้อจุลินทรีย์ที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพมนุษย์และสัตว์ เช่น อัลฟาท็อกซินในถั่ว และสารซูดานในพริก เป็นต้น
กฎระเบียบดังกล่าวทำให้สินค้าไทย 3 รายการ ได้แก่ ถั่วฝักยาว มะเขือม่วง และผักในตระกูลกะหล่ำ ต้องผ่านการตรวจสอบสารตกค้าง ณ ด่านนำเข้า ร้อยละ 50 ของปริมาณการนำเข้าแต่ละล็อต รวมทั้งพริกและผลิตภัณฑ์ ขมิ้น และน้ำมันปาล์มแดง จะถูกตรวจสอบในอัตราร้อยละ 20 ของปริมาณการนำเข้าแต่ละล็อต ซึ่งกฎระเบียบนี้จะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 25 มกราคม 2554 เป็นต้นไป เนื่องจากตรวจพบสินค้านำเข้าไม่ได้มาตรฐานอยู่บ่อยครั้ง
"อียูเป็นตลาดนำเข้าสินค้าอาหารที่มีความเข้มงวดในการตรวจสอบมาตรฐานเป็นอย่างมาก ผู้ประกอบการส่งออกจึงควรเพิ่มความระมัดระวังในการใช้สารเคมีทางการเกษตร โดยเฉพาะสาร Carbendazim สาร Carbofuran และสาร Omethoate ซึ่งอียูตรวจพบในสินค้า 3 รายการดังกล่าวข้างต้นอยู่เสมอ ตลอดจนระมัดระวังด้านการบรรจุหีบห่อและการเก็บรักษาสินค้าขณะขนส่ง เพื่อป้องกันการปนเปื้อนของเชื้อจุลินทรีย์ด้วย" นายสุรศักดิ์ กล่าว
ในปี 2552 ไทยส่งออกสินค้าผักสดแช่เย็นแช่แข็งและแห้งไปอียู มูลค่าประมาณ 1,360 ล้านบาท ลดลงจากปี 2551 ร้อยละ 17 คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 0.22 ของมูลค่าทั้งหมดที่ไทยส่งออกไปตลาดอียู และในปี 2553 (ม.ค.-พ.ย.) ไทยส่งออกสินค้าประเภทดังกล่าวไปอียู มูลค่าประมาณ 1,050 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปี 2552 ร้อยละ 16