(เพิ่มเติม) ม.หอการค้าฯ เผยดัชนีเชื่อมั่นผู้บริโภค ธ.ค.53 ที่ 71.9 จาก 70.3 ในพ.ย.

ข่าวเศรษฐกิจ Thursday January 13, 2011 11:36 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยถึงดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคประจำเดือน ธ.ค.53 ว่า ดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับเศรษฐกิจไทยโดยรวม อยู่ที่ 71.9 เพิ่มขึ้นจาก 70.3 ในเดือน พ.ย.53 ดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับโอกาสในการหางานทำ อยู่ที่ 72.0 เพิ่มขึ้นจาก 70.5 ในเดือนพ.ย. และดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับรายได้ในอนาคต อยู่ที่ 98.7 เพิ่มขึ้นจาก 96.3 ในเดือนพ.ย.

ทั้งนี้ ดัชนีความเชื่อมั่นทุกรายการปรับตัวเพิ่มขึ้นเป็นครั้งแรกในรอบ 3 เดือน

สำหรับปัจจัยบวกที่ส่งผลต่อดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคในเดือนธ.ค.53 ได้แก่ คณะรัฐมนตรียกเลิกการบังคับใช้ พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน, การปรับขึ้นค่าแรงทั่วประเทศในอัตรา 8-17 บาท/วัน, รัฐบาลต่ออายุมาตรการลดค่าครองชีพให้ประชาชน, รัฐบาลมีนโยบายตรึงราคาน้ำมันดีเซลไม่ให้เกิน 30 บาท/ลิตร, ราคาผลผลิตทางการเกษตรปรับตัวเพิ่มขึ้น เป็นต้น

ขณะที่ปัจจัยลบ ได้แก่ ราคาขายปลีกน้ำมันสำเร็จรูปในประเทศปรัวตัวเพิ่มขึ้น, ผู้บริโภคกังวลต่อความไม่แน่นอนในการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกจากปัญหาหนี้ในสหภาพยุโรป, ผู้บริโภคมีความกังวลต่อปัญหาราคาค่าครองชีพและราคาสินค้า ตลอดจนความกังวลที่มีต่อปัญหาการเมืองในอนาคต เป็นต้น

นายธนวรรธน์ พลวิชัย ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคไม่น่าจะมีปัจจัยลบมาบั่นทอนมากนัก ส่วนเรื่องเศรษฐกิจในยุโรป โดยเฉพาะเรื่องหนี้สินของยุโรป ไม่น่าจะบั่นทอนความเชื่อมั่นผู้บริโภค เนื่องจากคาดว่าปัญหาหนี้สาธารณะยุโรปจะแก้ปัญหาได้ในระดับหนึ่ง ส่วนเรื่องราคาน้ำมัน รัฐบาลยังตรึงราคาดีเซลต่อ รวมถึงสถานการณ์ค่าเงินบาทที่ขณะนี้เริ่มอ่อนค่าลงมา ราคาสินค้าเกษตรสูงขึ้นน่าจะเป็นปัจจัยหนุนให้กำลังซื้อของภาคเกษตรเพิ่มขึ้น

ทั้งนี้ เชื่อว่าความเชื่อมั่นในอนาคตจะปรับตัวดีขึ้น หลังจากการสำรวจพบว่าความเชื่อมั่นทางด้านรายได้ในอนาคตใกล้เคียงระดับ 100 มาอยู่ที่ 98.7 ซึ่งหากใน 1-2 เดือนนี้ ความเชื่อมั่นด้านรายได้มาอยู่ที่ 100 ได้ ก็จะทำให้การบริโภคในไตรมาสที่ 1 ของปี 54 ขยายตัวได้ 3-4% และยอดขายในประเทศน่าจะขยายตัวได้ 5-7% เพราะฉะนั้นการบริโภคในประเทศจะเป็นตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจในไตรมาสที่ 1 ให้ขยายตัวได้ 3-3.5% ส่วนทั้งปีคาดว่าจะอยู่ที่ 4.2% ได้ และมีความเป็นไปได้ที่จะขยายตัวได้ 4.5% เนื่องจากแผนประชาวิวัฒน์ 9 ข้อหากเห็นผลได้ภายใน 6 เดือน และการปรับขึ้นค่าแรง 8-17 บาท จะทำให้เกิดเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจ ซึ่งจะมีส่วนช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจให้ขยายตัวได้ 0.1-0.15%


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ