รัฐบาลโปรตุเกสประสบความสำเร็จในการประมูลขายพันธบัตรมูลค่า 1.25 พันล้านยูโร หรือ 1.62 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ด้วยอัตราผลตอบแทนพันธบัตรที่ต่ำกว่าการคาดการณ์ของตลาด โดยสัดส่วนของการจองซื้อพันธบัตรอายุ 4 ปีนั้น สูงกว่าปริมาณพันธบัตรถึง 2.6 เท่า และสัดส่วนของการจองซื้อพันธบัตรอายุ 10 ปีมีจำนวนสูงกว่าปริมาณพันธบัตรถึง 3.2 เท่า
หน่วยงานด้านการออกพันธบัตรของรัฐบาลโปรตุเกสเปิดเผยว่า รัฐบาลสามารถขายพันธบัตรที่จะครบกำหนดไถ่ถอนในปี 2557 ด้วยมูลค่าทั้งสิ้น 650 ล้านยูโร และพันธบัตรที่จะครบกำหนดไถ่ถอนในปี 2563 มูลค่า 599 ล้านยูโร
ความสำเร็จในการประมูลขายพันธบัตรของรัฐบาลโปรตุเกสช่วยหนุนสกุลเงินยูโรพุ่งขึ้นเหนือระดับ 1.31 ดอลลาร์สหรัฐในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อวานนี้ โดยปัจจัยที่ทำให้ตลาดคลายความวิตกกังวลมาจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรที่จะครบกำหนดไถ่ถอนในปี 2563 ที่ปรับตัวลดลงมาอยู่ที่ระดับ 6.716% จากการประมูลครั้งหลังสุดในเดือนพ.ย.ที่ 6.806%
นักวิเคราะห์มองว่า ผลการประมูลพันธบัตรครั้งนี้จะช่วยหนุนสกุลเงินยูโรให้แข็งค่าขึ้นอีกเล็กน้อย แต่ก็มีนักวิเคราะห์อีกกลุ่มหนึ่งที่มองว่า การประมูลพันธบัตรในครั้งนี้อาจจะไม่ช่วยให้รัฐบาลโปรตุเกสแก้ปัญหาหนี้สาธารณะได้ โดยคาดว่าในที่สุดแล้วโปรตุเกสอาจจะต้องขอความช่วยเหลือด้านการเงินจากกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) และ สหภาพยุโรป (อียู) เช่นเดียวกับกรีซและไอร์แลนด์
ทั้งนี้ นักลงทุนส่วนใหญ่จับตาดูผลการประมูลพันธบัตรของรัฐบาลสเปนในวันพฤหัสบดีนี้