นายศุภชัย พานิชภักดิ์ เลขาธิการสำนักงานการประชุมสหประชาชาติว่าด้วยการค้าและการพัฒนา (อังค์ถัด) คาดว่า เศรษฐกิจไทยในปีนี้จะเติบโตได้มากกว่า 3% โดยเห็นสัญญาณบวกจากแนวโน้มการลงทุนจากต่างประเทศ ขณะที่นโยบายของภาครัฐช่วยกระตุ้นอุปสงค์ในประเทศเป็นส่วนสนับสนุนสำคัญ
ประกอบกับภาวะการค้าโลกในปีนี้ยังอยู่ในเกณฑ์ดี ยังมองเห็นสัญญาณการลงทุนที่ดีจากต่างประเทศที่จะเข้ามาลงทุนในไทย นอกจากนี้รัฐบาลเองยังมีมาตรการที่เข้ามาช่วยกระตุ้นอุปสงค์ภายในประเทศให้มากขึ้น
“ถ้าให้มองจีดีพีปีนี้ก็คงโตไม่เท่ากับปี 53 แต่ก็ไม่น่าจะต่ำกว่าครึ่งหนึ่งของในปี 53 แต่จะอยู่ในระดับเท่าใดนั้นคงต้องขึ้นกับปัจจัยเรื่องราคาน้ำมันในตลาดโลกด้วย ที่หลายคนห่วงว่าปีนี้จะขึ้นไปแตะ 100 ดอลลาร์/บาร์เรล" นายศุภชัย ระบุ
ทั้งนี้ จากการที่ประเทศไทยยังมีพื้นฐานเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง จึงฝากไปยังรัฐบาลว่าอย่าให้ปัญหาการเมืองในประเทศมาเป็นตัวถ่วงในการพัฒนาเศรษฐกิจมากจนเกินไป ปัญหาการเมืองดูแล้วไม่น่ามีความเป็นห่วงที่จะส่งผลกระทบถึงเศรษฐกิจได้ เพราะนโยบายทางเศรษฐกิจหลายด้านสามารถดำเนินไปได้ด้วยตัวของมันเองอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ยังเชื่อว่าระบบการสานต่องานของราชการไทยยังมีประสิทธิภาพแม้จะมีการเปลี่ยนผ่านรัฐบาลไปกี่สมัยก็ตาม
“ไทยเป็นประเทศที่มีโอกาสให้เศรษฐกิจนำการเมืองได้ เพราะฉะนั้นเราอย่าใช้การเมืองเข้ามาถ่วงการพัฒนาเศรษฐกิจมากจนเกินไป หลายอย่างทางด้านเศรษฐกิจสามารถเดินหน้าไปได้ ก็ควรเดินต่อ…การสานต่อระดับราชการ ไม่ว่าการเมืองจะไปจะมาอย่างไร ก็ยังสานต่อได้" นายศุภชัย กล่าวในหัวข้อ “วิพากษ์เศรษฐกิจไทยในมุมมอง ดร.ศุภชัย"
นายศุภชัย ยังกล่าวด้วยว่า ในปีนี้หลายคนแสดงความเป็นห่วงเรื่องอัตราเงินเฟ้อ ซึ่งปัจจัยสำคัญตัวหนึ่งที่จะทำให้เงินเฟ้อเพิ่มขึ้นมาจากการปรับขึ้นราคาน้ำมัน แต่ทั้งนี้ยังเชื่อว่าจะไม่ส่งผลทำให้นโยบายการเงินรัดตัวเกินไปจนไปมีผลต่อการพิจารณาปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย โดยได้แนะไปยังธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) ว่าหากมีความจำเป็นในการพิจารณาปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ก็ควรจะปรับให้น้อยที่สุดและควรจะทำเท่าที่จำเป็น