สมาคมตราสารหนี้ไทย คาดว่าในปี 54 ภาคเอกชนจะมีการออกและเสนอขายหุ้นกู้ราว 3 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน ขณะที่เงินทุนต่างประเทศยังมีแนวโน้มที่จะไหลเข้ามาในตราสารหนี้ระยะสั้นของไทยในปีนี้ต่อเนื่องจากปีก่อน
น.ส.อริยา ติรณะประกิจ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย คาดว่า มูลค่าการออกหุ้นกู้ของภาคเอกชนในปี 54 จะอยู่ที่ราว 3 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 53 ที่ออกราว 2.6 แสนล้านบาท โดยกลุ่มธุรกิจขนาดใหญ่เช่น กลุ่มพลังงานจะกลับมาออกหุ้นกู้เพื่อระดมทุนสูงขึ้น หลังจากหลายโครงการลงทุนมีความชัดเจนมากขึ้นทั้งเรื่อง 3G และมาบตาพุด เป็นต้น
ส่วนหุ้นกู้ของธุรกิจขนาดเล็กคงออกน้อยลง เนื่องจากต้นทุนการกู้ปรับเพิ่มสูงขึ้น และในปีนี้ตลาดตราสารหนี้จะมีผลิตภัณฑ์ที่มีความหลากหลายมากยิ่งขึ้นหลังกระทรวงการคลังเตรียมออกพันธบัตรอายุ 50 ปี และตราสารหนี้อ้างอิงอัตราเงินเฟ้อ ซึ่งก็ถือเป็นการเพิ่มทางเลือกให้กับนักลงทุน ด้านมูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวัน(ไม่รวมตราสารหนี้อายุน้อยกว่า 1 ปี)ในปี 54 เพิ่มขึ้นเป็น 10.5 หมื่นล้านบาท จากปี 53 ที่ 8.9 พันล้านบาท
“ปีนี้คงเห็นผลิตภัณฑ์ที่มีความหลากหลายมากขึ้น กระทรวงการคลังก็จะมีการออกพันธบัตรอายุ 50 ปี ในช่วงปลายไตรมาส 1/54 เน้นกลุ่มผู้ลงทุนระยะยาวอย่างเช่นบริษัทประกัน และก็จะมีตราสารหนี้อ้างอิงอัตราเงินเฟ้อ ซึ่งขั้นต้นน่าจะออกที่ 4 พันลบ. เพื่อเป็นการชิมลางตลาดก่อน ซึ่งก็ถือว่าเป็นจังหวะดีที่จะออกเวลานี้ หลังแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยยังอยู่ในช่วงขาขึ้น"
น.ส.อริยา คาดว่า นักลงทุนต่างชาติจะยังคงให้ความสนใจเข้ามาลงทุนในตราสารหนี้ไทยต่อเนื่องจากปีที่แล้วที่มียอดซื้อสุทธิที่ 1.3 แสนล้านบาท เนื่องจากแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยยังอยู่ในช่วงขาขึ้น ซึ่งคาดการณว่าในปีนี้ คณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.)จะมีการปรับขึ้นดอกเบี้ยประมาณ 0.5%-1.00% ประกอบกับเงินเฟ้อก็ยังมีแนวโน้มปรับขึ้น ปัญหาหนี้สินในยุโรปก็ยังมีอยู่ เศรษฐกิจสหรัฐฯก็ยังไม่ฟื้นตัวอย่างแท้จริง จึงน่าจะทำให้เม็ดเงินจากต่างชาติไหลเข้าตลาดที่ให้ผลตอบแทนที่ดีกว่าอย่างตลาดเอเชียและตลาดหั้นไทยอยู่
“ค่าเงินมีทั้งช่วงที่ขึ้นและลง แต่ upside gain ด้านการอ่อนค่าคงมีน้อยกว่าด้านแข็งค่า จากปัจจัยแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยขาขึ้น เราคาดปีนี้จะขึ้นอีก 0.5%-1.00% ผ่านไปแล้ว 1 เดือนก็ขึ้นไปแล้ว 0.25% ซึ่งถ้ายังอยู่ในเกณฑ์นี้ การลงทุนของต่างประเทศคงเข้ามาอยู่ แต่จะเข้ามาในตราสารระยะยสั้นมากกว่า เนื่องจากตราสารระยะยาวจะมีความเสี่ยง อย่าง yield ที่เพิ่มขึ้นซึ่งจะทำให้ผลตอบแทนน้อยลง แต่การเข้ามาของต่างชาติจะมากเท่าปีที่แล้วหรือไม่ ถ้าดูที่ Net Holding (มูลค่าการถือครองตราสารหนี้) คงจะเพิ่มไม่มาก เพราะส่วนใหญ่เป็นระยะสั้น การมูลค่าการซื้อขายรวมอาจจะเยอะเพราะระยะสั้น 14 วันก็หมดแล้วเดี๋ยวก็ซื้อใหม่"น.ส.อริยา กล่าว
ในส่วนของอัตราผลตอบแทนของตราสารหนี้ในปี 54 ก็มีแนวโน้มที่จะปรับตัวขึ้น โดยตราสารหนี้อายุน้อยกว่า 1 ปี ปรับเพิ่มเป็น 2.20-2.50% , ตราสารหนี้อายุ 1-5 ปี ปรับเพิ่มเป็น 2.60-3.70% , ตราสารหนี้อายุ 6-10 ปี ปรับเพิ่มเป็น 3.80-4.30%, ตราสารหนี้อายุมากกว่า 10 ปี ปรับเพิ่มเป็น 4.40-5.00%
สำหรับการเคลื่อนไหวของตลาดตราสารหนี้ไทยปี 53 มีมูลค่าการออกตราสารหนี้ใหม่โดยรวม 11.6 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 7% จากปี 52 โดยเงินกู้ของภาคเอกชนมีมูลค่าหุ้นกู้ใหม่ 2.6 แสนล้านบาท ลดลงจากปี 52 ซึ่งเป็นปีที่มีหุ้นกู้ออกใหม่สูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 3.9 แสนล้านบาท