เกษตรฯ เดินหน้าโครงการปลูกยางพาราแห่งใหม่ 8 แสนไร่ วางงบฯกว่า 3 พันลบ.

ข่าวเศรษฐกิจ Friday January 14, 2011 16:22 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายศุภชัย โพธิ์สุ รมช.เกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยถึงความคืบหน้าโครงการปลูกยางพาราในที่แห่งใหม่ ระยะที่ 3 พ.ศ.2554-2556 ว่า ในเรื่องของการจัดหาพันธุ์ยาง ขณะนี้อยู่ระหว่างการแต่งตั้งคณะกรรมการร่างเงื่อนไขข้อตกลงการจ้าง (TOR) โดยในเบื้องต้นได้วางแนวทางเป็นหลักการ คือ จะจัดให้มีการประกวดราคาจัดซื้อรวม 3 ปี ในราคาต้นละ 18 บาท แบ่งการจัดซื้อเป็น 4 พื้นที่ คือ ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง และภาคกลาง ภาคตะวันออก ภาคใต้ ซึ่งจะให้มีการประกวดราคาในแต่ละเขตพื้นที่ ไม่มีการข้ามโซน เนื่องจากยังคงพื้นฐานที่ว่าพันธุ์ยางควรอยู่ใกล้แหล่งเพาะปลูก

ทั้งนี้ การประกวดราคาจะเปิดโอกาสให้ทุกรายที่ผ่านคุณสมบัติตามที่ TOR กำหนด ไม่มีการปิดกั้นหรือชี้เฉพาะรายใดรายหนึ่งแต่อย่างใด ส่วนที่หลายฝ่ายมีความกังวลว่าอาจเกิดข้อปัญหาอุปสรรคคล้ายกับกรณียางล้านไร่นั้น ในครั้งนี้จะต้องมีการกำหนด TOR ให้มีความรัดกุม ชัดเจน เกิดประโยชน์ต่อเกษตรกรมากที่สุด ซึ่งได้กำชับทาง สกย.ในประเด็นดังกล่าวไปแล้ว ส่วนความคืบหน้าและรายละเอียดต่างๆ จะมีการประกาศให้ทราบอย่างเป็นทางการต่อไปภายหลังจากที่ TOR แล้วเสร็จสมบูรณ์

อนึ่ง โครงการปลูกยางพาราในที่แห่งใหม่ ระยะที่ 3 พ.ศ.2554-2556 เป็นการดำเนินงานตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 6 กรกฎาคม 2553 และวันที่ 21 ธันวาคม 2553 ที่เห็นชอบในโครงการดังกล่าว ตามพระราชบัญญัติกองทุนสงเคราะห์การทำสวนยาง มาตรา 21 ทวิ ส่งเสริมการปลูกยางพันธุ์ดีในเขตพื้นที่เหมาะสม รวมทั้งสิ้น 800,000 ไร่ แบ่งออกเป็น ภาคเหนือ 150,000 ไร่ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 500,000 ไร่ ภาคกลางและภาคตะวันออก 100,000 ไร่ และภาคใต้ 50,000 ไร่

สำหรับเงินงบประมาณแบ่งออกเป็น ปี 2554 จำนวน 580 ล้านบาท พื้นที่ 200,000 ไร่ ปี 2555 จำนวน 979 ล้านบาท พื้นที่ 300,000 ไร่ และปี 2556 จำนวน 1,179 ล้านบาท พื้นที่ 300,000 ไร่ จากนั้นจะเป็นการส่งเสริมต่อเนื่อง ตั้งแต่ พ.ศ.2557-2562 คาดว่าจะมีเกษตรกรเข้าร่วมโครงการประมาณ 160,000 ราย มีรายได้คิดเป็นมูลค่า 224,000 บาทต่อรายต่อปี รวมถึงเกิดการสร้างงานในท้องถิ่น มีแรงงานภาคเกษตรไม่น้อยกว่า 100,000 คน ช่วยลดการอพยพเคลื่อนย้ายแรงงานภาคการเกษตร และผลผลิตยางธรรมชาติของประเทศเพิ่มขึ้น นับจากปี พ.ศ.2562 เป็นต้นไป ส่วนภาครัฐเองก็จะมีรายได้จากการเก็บเงินจากผู้ส่งออกยางนอกราชอาณาจักร หรือเงิน Cess เพิ่มขึ้นประมาณปีละ 1,112 ล้านบาท เพื่อใช้สำหรับเป็นทุนสงเคราะห์ชาวสวนยางต่อไป


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ