นายชัยฤทธิ์ ดำรงเกียรติ รองอธิบดีกรมการข้าว เปิดเผยว่า ขอให้เกษตรกรผู้ทำนาข้าวให้ความร่วมมือในการจัดระบบการปลูกข้าว ซึ่งมีข้อดีคือจะทำให้ต้นทุนในการผลิตลดลงและผลผลิตต่อไร่จะสูงขึ้น อีกทั้งยังเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดสรรน้ำตัดวงจรการระบาดของแมลงศัตรูข้าวและเป็นการพักดินเพื่อฟื้นฟู
สำหรับกรณีที่ยังมีเกษตรกรบางรายยังคงมีความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนในเรื่องรายได้จากผลผลิตที่อาจจะลดลง เนื่องจากทำนาเพียงปีละ 2 ครั้ง จากเดิมทำนาปีละ 3 ครั้งนั้น ในเรื่องนี้ได้มีการวิเคราะห์ข้อมูลออกมาอย่างชัดเจนแล้วว่าการปลูกข้าวในแบบเดิม ปีละ 3 ครั้ง จะมีต้นทุนการผลิตตันละ 6,760 บาท ในขณะที่การปลูกข้าวในระบบใหม่ ปีละ 2 ครั้ง มีต้นทุนการผลิตเพียงตันละ 5,723 บาท เท่านั้น อีกทั้งเกษตรกรยังมีเวลาที่เหลือ ไปใช้ทำประโยชน์อย่างอื่นได้
รองอธิบดีกรมการข้าว กล่าวอีกว่า โครงการนี้มีระยะเวลา 3 ปี คือตั้งแต่ ปี พ.ศ.2554-2556 มีเป้าหมาย 9 ล้านไร่ ครอบคลุม 22 จังหวัด โดยปี พ.ศ.2554 มีแผนการดำเนินงาน 1.3 ล้านไร่ ครอบคลุม 11 จังหวัด ซึ่งจะเริ่มทำการจัดเวทีชุมชน เพื่อตรวจสอบความต้องการของเกษตรกร ในช่วงกลางเดือน มกราคม - กุมภาพันธ์ เมื่อได้ข้อมูลที่ชัดเจนก็จะดำเนินการจัดฝึกอบรมเกษตรกร ให้มีความรู้ในเรื่องของการปลูกพืช ก่อนนา หลังนา และปุ๋ยพืชสด ในช่วงปลายเดือนมกราคม — ปลายเดือนกุมภาพันธ์ จากนั้นทางกระทรวงเกษตรและสหกรณ์จะให้การสนับสนุนเละทำการแจกจ่ายเมล็ดพันธุ์พืชหลังนา ในช่วงเดือน มีนาคม — เมษายน ซึ่งขณะนี้มีเกษตรกรสนใจลงทะเบียนปลูกพืชหลังนาแล้วประมาณ 6 แสนราย
"หากได้รับความร่วมมือจากเกษตรกร ปัญหาทั้งระบบในการปลูกข้าวที่เกิดขึ้นก็จะหมดไป"รองอธิบดีกรมการข้าวกล่าว