นายวัชระ กรรณิกา รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมกรัฐมนตรีเศรษฐกิจ(ครม.เศรษฐกิจ)วันนี้พิจารณาผลการศึกษาเบื้องต้นศักยภาพในการรองรับอุตสาหกรมของพื้นที่มาบตาพุด ตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ(สภาพัฒน์)เสนอ โดยมอบหมายให้กรมคุ้มครองมลพิษเป็นหน่วยงานหลัก ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการ กำหนดประเภทอุตสาหกรรมหรือกิจกรรมที่เป็นแหล่งกำเนิดมลพิษ โดยเฉพาะสารอินทรีย์ระเหยง่าย
พร้อมทั้ง ให้กระทรวงอุตสาหกรรม และสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนพิจารณาทบทวนมาตรการส่งเสริมการลงทุนสำหรับการขยายอุตสาหกรรมและการดำเนินกิจการใหม่ที่ก่อให้เกิดสารอินทรีย์ระเหยง่าย (VOC, เบนซีน 1,2-ไดคลอโรอีเทน และ 1,3-บิวทาไดอีน) สำหรับอุตสาหกรรมที่มีอยู่เดิมและจะลงทุนเพื่อลดการก่อให้เกิดสารอินทรีย์ระเหยง่ายจะได้รับการส่งเสริมการลงทุนเช่นเดิม
มอบหมายให้กระทรวงอุตสาหกรรมและกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมพิจารณาปรับปรุงกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการอนุมัติ อนุญาต การลดและขจัดมลพิษ และสนับสนุนให้มีการออกกฎหมายสำหรับควบคุมสารอินทรีย์ระเหยง่ายจากแหล่งกำเนิดที่ยังไม่มีมาตรฐานควบคุม
และให้กรมโรงงานอุตสาหกรรมเร่งประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมระดับยุทธศาสตร์ จ.ระยอง เพื่อศึกษาศักยภาพและประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมพื้นที่จังหวัดระยอง และเสนอแนะแนวทางเลือกที่เหมาะสมบนพื้นฐานการยอมรับของประชาชนและศักยภาพการรองรับของพื้นที่
อีกทั้งให้มีคณะทำงานระดับพื้นที่โดยให้รายงานต่อคณะอนุกรรมการติดตามรายงานผลการแก้ไขปัญหามาบตาพุดและบริเวณใกล้เคียง ซึ่งมีเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน เพื่อดำเนินการติดตามแก้ไขปัญหาในระดับพื้นที่ต่อไป