ปธ.หอการค้าฯ คาดศก.ปี 54 โต 4-5% ฝ่าปัจจัยเสี่ยง การเมือง-น้ำมัน-ค่าเงิน

ข่าวเศรษฐกิจ Monday January 17, 2011 19:29 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายดุสิต นนทนาคร ประธานกรรมการหอการค้าไทย ประเมินว่า อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจของไทยในปีนี้จะเติบโต 4-5% โดยมองว่าไม่มีปัจจัยสำคัญที่จะมากระทบต่อเศรษฐกิจเหมือนเช่นในปีก่อน โดยเฉพาะปัญหาวิกฤติเศรษฐกิจในสหรัฐและสหภาพยุโรป แต่ทั้งนี้ ในปี 54 ยังมีปัจจัยเสี่ยงสำคัญ 3 ประการที่มีผลต่อเศรษฐกิจไทย อันดับ คือ ปัญหาเรื่องการเมือง, อันดับ 2 คือราคาน้ำมันที่จคาดว่าจะเพิ่มสูงขึ้น ซึ่งจะมีกระทบต่อต้นทุนการผลิตสินค้าแบบหลีกเลี่ยงไม่ได้ และ อับดับ 3 คือ อัตราแลกเปลี่ยน

ส่วนสถานการณ์ด้านการส่งออก ทางหอการค้าไทยเชื่อว่าในปีนี้การส่งออกของไทยจะเติบโตได้ 10% ตามเป้าที่กระทรวงพาณิชย์ตั้งไว้ ทิศทางการส่งออกในช่วงปีที่ผ่านมาพบว่าการส่งออกสินค้าไปยังอาเซียนมีสัดส่วน 24% ของมูลค่าการส่งออกทั้งหมด ทำให้เห็นว่าประเทศไทยมีความจำเป็นในการพึ่งพาตลาดส่งออกหลักน้อยลง ดังนั้น ในปีนี้ผู้ส่งออกจำเป็นต้องเร่งรัดการส่งออกไปยังประเทศต่าง ๆ ในอาเซียนให้มากขึ้น เพื่อทำให้การส่งออกของไทยในปีนี้เติบโตได้ดีเหมือนกับปีก่อน

"การส่งออกในปีนี้เชื่อว่า 10% ทำได้ เพราะดูจากไตรมาส 3 และไตรมาส 4 ในปีก่อน ที่ทำได้ประมาณ 1.7-1.8 หมื่นล้านดอลลาร์ต่อเดือน หากไตรมาส 1 ของปีนี้มูลค่าการส่งออกยังใกล้เคียงในระดับเดียวกัน ก็เชื่อว่าปีนี้จะเติบโตได้ 10% แน่" นายดุสิต กล่าว

ส่วนแนวโน้มเรื่องอัตราดอกเบี้ย ยอมรับว่าในปีนี้เป็นช่วงของอัตราดอกเบี้ยขาขึ้น ทำให้ภาคเอกชนจะต้องเตรียมตัวรับสถานการณ์อัตราดอกเบี้ยขาขึ้น อันจะมีผลกระทบต่อต้นทุนการผลิตสินค้าต่าง ๆ ดังนั้น ผู้ประกอบการเองจะต้องพยายามปรับลดค่าใช้จ่ายในการบริหารจัดการด้านอื่น ๆ ลง รวมถึงการหันไปใช้พลังงานทดแทนเพื่อช่วยปรับลดต้นทุนการประกอบการ เพราะการดูแลเรื่องต้นทุนถือเป็นอีกสิ่งสำคัญหนึ่งในปีนี้ ขณะที่การดูแลอัตราดอกเบี้ยเชื่อว่าธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)จะติดตามดูแลอย่างใกล้ชิดอยู่แล้ว

นายดุสิต กล่าวว่า สถานการณ์การเมืองในปีนี้คาดว่าจะมีการเลือกตั้งใหม่เกิดขึ้น ภาคเอกชนทั้งในและต่างประเทศคงจะต้องติดตามดูนโยบายของรัฐบาลใหม่ที่จะเข้ามาทำหน้าที่ ซึ่งยอมรับว่าอาจจะทำให้เศรษฐกิจช่วงการจัดตั้งรัฐบาลใหม่คงจะชะลอลงบ้าง แต่หลังจากนั้นเชื่อว่าความเชื่อมั่นจะค่อย ๆ กลับมาดีขึ้น พร้อมกับมองว่านักลงทุนต่างประเทศจะสามารถยอมรับได้ หากการเลือกตั้งครั้งใหม่ที่จะเกิดขึ้นเป็นการเลือกตั้งตามหลักประชาธิปไตย และมีความบริสุทธิ์ยุติธรรม

ส่วนปัญหาการชุมนุมทางการเมืองของกลุ่มต่าง ๆ ยอมรับว่ามีผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุน แต่หากไม่ได้เพิ่มปัญหาให้กับประเทศเพิ่มขึ้น ก็จะทำให้เศรษฐกิจเติบโตได้ตามที่คาดการณ์ไว้ หรือมีโอกาสเติบโตได้มากกว่าคาดการณ์ กลุ่มต่าง ๆ จึงควรจะคิดถึงประโยชน์ของประเทศชาติและส่วนรวม และนึกถึงประโยชน์ของตัวเองให้น้อยลง


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ