นางพรทิวา นาคาศัย รมว.พาณิชย์ เปิดเผยว่า การส่งออกของไทยในเดือน ธ.ค.53 เพิ่มขึ้น 18.8% คิดเป็นมูลค่า 17,373 ล้านดอลลาร์ ส่วนยอดการนำเข้าเพิ่มขึ้น 11.5% คิดเป็นมูลค่า 16,078 ล้านดอลลาร์ ส่งผลให้ในเดือนธ.ค.53 ไทยเกินดุลการค้า 1,295 ล้านดอลลาร์
สำหรับการส่งออกในเดือน ธ.ค.53 เพิ่มขึ้นทุกหมวดสินค้า โดยหมวดสินค้าเกษตร-อุตสาหกรรม เพิ่มขึ้น 23% หมวดสินค้าอุตสาหกรรม เพิ่มขึ้น 20% และหมวดสินค้าอื่นๆ เพิ่มขึ้น 10.1% ส่วนการนำเข้าในเดือน ธ.ค.53 ขยายตัวทุกกลุ่ม ยกเว้นอาวุธยุทธปัจจัย และสินค้าอื่นๆ ที่ลดลง 3.1% โดยสินค้าเชื้อเพลิงเพิ่มขึ้น 14.6% สินค้าทุน 13.3% วัตถุดิบและกึ่งสำเร็จรูป 6.5% อุปโภคบริโภคเพิ่ม 21.8% ยานพาหนะและอุปกรณ์การขนส่ง 17.4%
ด้านตลาดส่งออก พบว่าขยายตัวในทุกตลาด โดยการส่งออกไปตลาดหลัก เพิ่มขึ้น 17.4% ตลาดที่มีศักยภาพสูง เพิ่มขึ้น 21.9% ตลาดที่มีศักยภาพรอง เพิ่มขึ้น 7.5% ส่วนตลาดอื่นๆ เพิ่มขึ้นถึง 153.1%
รมว.พาณิชย์ กล่าวถึงภาพรวมการส่งออกทั้งปี 53 ว่าเพิ่มขึ้น 28.1% คิดเป็นมูลค่า 195,312 ล้านดอลลาร์ ส่วนการนำเข้าในปี 53 เพิ่มขึ้น 36.5% คิดเป็นมูลค่า 182,407 ล้านดอลลาร์ ส่งผลให้ทั้งปี 53 ไทยเกินดุลการค้า 12,905 ล้านดอลลาร์
ภาพรวมการส่งออกตลอดปี 53 ถือว่าดีมาก ทำได้สูงกว่าที่กระทรวงพาณิชย์คาดการณ์ไว้ที่ 20% โดยเฉพาะในเงินดอลลาร์ที่ทำได้ถึง 28.1% แต่เงินบาทขยายตัวไม่มากที่ 18.9% แต่คิดเป็นมูลค่าทะลุ 6 ล้านล้านบาท โดยเป็นผลจากความต้องการสินค้าในตลาดโลกเพิ่มมากขึ้นตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก ประกอบกับสต๊อกนำเข้าต่างประเทศลดลงทำให้ผู้ซื้อสั่งซื้อสินค้ามากขึ้น
ขณะเดียวกัน ได้รับผลดีจากการเปิดเสรีทางการค้า ส่งผลให้การส่งออกสินค้าทั้งกลุ่มเกษตร และอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้น รวมถึงการส่งออกไปตลาดหลัก ตลอดรอง และตลาดใหม่เพิ่มขึ้นทั้งหมด
"การส่งออกในปี 53 ถือว่าเติบโตดีมาก คิดเป็นรูปเงินดอลลาร์โตถึง 28.1% แต่เมื่อคิดเป็นเงินบาท โตน้อยกว่าที่ 18.9% แต่คิดเป็นมูลค่าอยู่ที่ 6.18 ล้านล้านบาท" รมว.พาณิชย์ กล่าว
รมว.พาณิชย์ กล่าวว่า ในปี 54 นี้ กระทรวงพาณิชย์ยังตั้งเป้าหมายการส่งออกว่าจะเพิ่มขึ้น 10% คิดเป็นมูลค่าประมาณ 210,000 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 6.8 ล้านล้านบาท และคาดว่าไตรมาส 1/54 การส่งออกจะเพิ่มขึ้น 11% โดยจะเน้นการทำตลาดเชิงลึก และเปิดตลาดใหม่มาทดแทนตลาดเดิมที่อาจชะลอตัวลง นอกจากนี้ ยังจะใช้การทำตลาดผ่านอินเตอร์เน็ต (อี-มาร์เก็ตติ้ง) มาช่วยเสริม เพื่อให้ลูกค้าเข้าถึงสินค้าได้ง่ายและรวดเร็วขึ้น