ภาวะตลาดเงินนิวยอร์ก: ยูโรพุ่งเทียบดอลล์ หลังดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเยอรมนีแข็งแกร่ง

ข่าวต่างประเทศ Wednesday January 19, 2011 07:05 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ค่าเงินยูโรพุ่งขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (18 ม.ค.) ขานรับรายงานดัชนีความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจของกลุ่มผู้บริโภคในเยอรนีที่พุ่งขึ้นเกินคาดในเดือนธ.ค. ขณะที่สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐเคลื่อนตัวผันผวนเนื่องจากนักลงทุนมีท่าทีระมัดระวังการซื้อขายในระหว่างที่ประธานาธิบดีหู จิ่นเทา ของจีนเดินทางเยือนสหรัฐ

ค่าเงินยูโรดีดตัวขึ้น 0.70% แตะที่ 1.3385 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับของวันศุกร์ที่ 1.3292 ดอลลาร์สหรัฐ (*หมายเหต - ที่ต้องเทียบกับวันศุกร์เพราะตลาดเงินนิวยอร์กปิดทำการในวันจันทร์ที่ 17 ม.ค.เนื่องในวันมาร์ติน ลูเธอร์ คิง จูเนียร์) ขณะที่ค่าเงินปอนด์พุ่งขึ้น 0.44% แตะที่ 1.5959 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.5889 ดอลลาร์สหรัฐ

ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐทรงตัวเมื่อเทียบกับเงินเยนที่ระดับ 82.720 เยน และดอลลาร์อ่อนตัวลง 0.11% เมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ระดับ 0.9634 ฟรังค์ จากระดับ 0.9645 ฟรังค์

ส่วนค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียพุ่งขึ้น 0.41% แตะที่ 0.9981 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.9940 ดอลลาร์สหรัฐ และค่าเงินดอลลาร์นิวซีแลนด์ร่วงลง 0.23% แตะที่ 0.7701 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7719 ดอลลาร์สหรัฐ

สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ค่าเงินยูโรได้แรงหนุนหลังจากสถาบัน ZEW เปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจของกลุ่มผู้บริโภคในเยอรนีพุ่งขึ้นแตะระดับ 15.4 จุดในเดือนม.ค. จากเดือนธ.ค.ที่ระดับ 4.3 จุด สูงกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะปรับตัวขึ้นแตะระดับ 8.0 จุด

นักวิเคราะห์ในตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กกล่าวว่า ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคเยอรมนีที่ทะยานขึ้นแข็งแกร่งได้ช่วยให้นักลงทุนผ่อนคลายความวิตกกังวลเกี่ยวกับวิกฤตหนี้ยุโรป ขณะเดียวกัน นักลงทุนยังคงจับตาดูการประชุมของรัฐมนตรีคลังกลุ่มสหภาพยุโรป (อียู) เพื่อหารือกันเรื่องการใช้กลยุทธ์ใหม่ๆในการรับมือกับวิกฤตหนี้เมื่อวานนี้ นอกจากนี้ ที่ประชุมยังหารือกันเรื่องการเพิ่มขนาดและขีดความสามารถในการปล่อยเงินกู้ของกองทุนรักษาเสถียรภาพการเงินยุโรป (EFSF) ซึ่งมีมูลค่า 4.40 แสนล้านยูโร (5.80 แสนล้านดอลลาร์)

นอกจากนี้ ค่าเงินยูโรยังได้ปัจจัยบวกจากข่าวที่ว่า ธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) รุกซื้อพันธบัตรของรัฐบาลในยุโรปที่ระดับสูงสุดในรอบ 5 สัปดาห์ ในขณะที่เจ้าหน้าที่ยุโรปพยายามหาลู่ทางที่จะยกเครื่องมาตรการกอบกู้วิกฤตหนี้สาธารณะ

อีซีบีระบุว่า ในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา อีซีบีได้เข้าซื้อพันธบัตรของประเทศยุโรปเป็นวงเงินทั้งสิ้น 2.313 พันล้านยูโร หรือ 3.07 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 5 สัปดาห์ โดยมีเป้าหมายที่จะกระตุ้นสภาพคล่องในระบบการเงินยุโรปให้ไหลเวียนดีขึ้น หลังจากที่อีซีบีถูกบีบให้ขยายมาตรการกระตุ้นสภาพคล่องฉุกเฉินให้กับธนาคารพาณิชย์ ภายหลังจากการให้ความช่วยเหลือไอร์แลนด์ไม่สามารถทำให้นักลงทุนเชื่อมั่นว่า รัฐบาลยุโรปสามารถลดยอดขาดดุลงบประมาณและป้องกันการลุกลามของวิกฤตหนี้ในยูโรโซนได้

ส่วนค่าเงินดอลลาร์สหรัฐเคลื่อนตัวผันผวน เนื่องจากนักลงทุนระมัดระวังการซื้อขายในช่วงที่ประธานาธิบดีจีนเดินทางเยือนสหรัฐ โดยมีรายงานว่า ภาคธุรกิจจีนและสหรัฐลงนามในสัญญา 6 ฉบับ มูลค่า 600 ล้านดอลลารในรัฐเท็กซัสก่อนที่ประธานาธิบดีหูจะเดินทางเยือนสหรัฐ ซึ่งรวมถึงการทำข้อตกลงนำเข้าฝ้าย การนำเข้าอุปกรณ์ CKD และการทำข้อตกลงในการพัฒนาและใช้งานแผงโซล่าเซลล์คริสตอลซิลิโคนและระบบกำเนิดไฟฟ้าพลังแสงอาทิตย์อย่างมีประสิทธิภาพ

ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขานิวยอร์กเปิดเผยว่า ดัชนีภาวะธุรกิจโดยรวมเดือนม.ค.ปรับตัวขึ้นแตะระดับ 11.92 จุด จากระดับ 9.89 ในเดือนธ.ค. ส่วนสมาคมผู้สร้างบ้านแห่งชาติของสหรัฐ (NAHB) เปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของกลุ่มธุรกิจสร้างบ้านทรงตัวที่ระดับ 16 จุดในเดือนม.ค. ซึ่งเป็นเดือนที่ 3 ติดต่อกันที่ดัชนีเคลื่อนไหวที่ระดับดังกล่าว และสะท้อนให้เห็นว่า กลุ่มผู้สร้างบ้านมีความระมัดระวังในเรื่องแนวโน้มยอดขายของช่วงหลายเดือนข้างหน้า

ทางการสหรัฐจะเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญในสัปดาห์นี้ รวมถึงดัชนีภาวะธุรกิจโดยรวมเดือนม.ค., ข้อมูลเงินทุนไหลเข้าสุทธิและปริมาณการซื้อพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐของต่างชาติเดือนพ.ย., ดัชนีตลาดที่อยู่อาศัยเดือนม.ค., จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ดัชนีชี้นำเศรษฐกิจสหรัฐเดือนธ.ค.และยอดขายบ้านมือสองเดือนธ.ค.


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ