ก.อุตฯ หวังใช้เทคโนโลยีออนไลน์เพิ่มศักยภาพธุรกิจ SMEs ในปี 54

ข่าวเศรษฐกิจ Wednesday January 19, 2011 12:41 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายชัยวุฒิ บรรณวัฒน์ รมว.อุตสาหกรรม เปิดเผยว่า กระทรวงอุตสาหกรรมได้ตั้ง คณะทำงานขับเคลื่อนการเสริมสร้างขีดความสามารถของอุตสาหกรรมและ SMEs เพื่อปรับยุทธศาสตร์ในการพัฒนาเพื่อเสริมขีดความสามารถให้แก่ผู้ประกอบการ SMEs โดยมีเป้าหมายสำคัญในการดำเนินงานเพื่อพัฒนาช่องทางและกระบวนการในการเข้าถึงตลาดผู้ซื้อและคู่ค้าของผู้ประกอบการทั้งในและต่างประเทศ เพื่อให้เกิดการแข่งขันได้ในตลาดทุกระดับ เนื่องจากที่ผ่านมาการชะลอตัวทางเศรษฐกิจและปัญหาภัยธรรมชาติ ทำให้การผลิตและการส่งออกของผู้ประกอบการในกลุ่มดังกล่าวประสบปัญหามากขึ้น

ทั้งนี้ ในแผนการเสริมสร้างขีดความสามารถของอุตสาหกรรม SMEs ซึ่งถือเป็นยุทธศาสตร์หลักที่จะเป็นส่วนสำคัญในการเสริมสร้างสมรรถนะ SMEs โดยมีการบูรณาการการทำงานร่วมกันของหน่วยงานในสังกัดกระทรวงอุตสาหกรรม โดยมีแนวทางหลักสำคัญที่จะนำระบบเทคโนโลยีเข้ามาเพิ่มศักยภาพธุรกิจ โดยใช้ e-Market (การค้าออนไลน์ผ่านระบบอินเตอร์เน็ต) ในรูปแบบ B2B (Business to Business) ซึ่งเป็นการค้าแบบค้าส่ง เป็นระบบที่ทำให้มีช่องทางการจำหน่ายสินค้าผ่านระบบออนไลน์ และจะเป็นตัวเชื่อมโยงในการติดต่อกับ ซัพพลายเออร์ และผู้ซื้อทั้งในและต่างประเทศ โดยจะเป็นประโยชน์แก่ผู้ประกอบการที่จะได้มีร้านค้าออนไลน์เป็นของตัวเอง เนื่องจากส่วนใหญ่ผู้ประกอบการจะเสียค่าใช้จ่ายในการเปิดเซิร์ฟเวอร์ดังกล่าว นับว่าเป็นการช่วยลดต้นทุนในการแสวงหาคู่ค้า และทำให้ผู้ขายเข้าถึงผู้ซื้อได้กว้างขึ้น

นอกจากนี้ ยังต้องมีการเสริมศักยภาพการแข่งขันในตลาดโดยการใช้ e-Market ในรูปแบบ B2C (Business to Consumer) ซึ่งเป็นการค้าแบบค้าปลีก

ส่วนด้านการเจาะตลาดใหม่ในต่างประเทศ จะมีการประสานความร่วมมือจากบริษัทเอกชนที่มีช่องทางการตลาดต่างๆ เข้ามาวางกลยุทธ์ในการทำตลาดอย่างมีเป้าหมายมากขึ้น รวมทั้งยังมีศูนย์ข้อมูลโลจิสติกส์ : LIC (Logistics Info Center) ซึ่งเป็นศูนย์บริการข้อมูลด้านโลจิสติกส์ และสามารถลงจุดแผนที่บน Google Map เพื่อให้ระบบคำนวณระยะทางได้ และสมาชิกสามารถค้นหาผู้ผลิตและผู้ขายสินค้าสนับสนุนผู้ให้บริการด้านโลจิสติกส์และผู้เชี่ยวชาญด้านโลจิสติกส์ และระบบจัดการรถขนส่งเที่ยวกลับ (Blackhauling Platform) ซึ่งจะทำให้ผู้ประกอบการสามารถลดต้นทุนด้านการขนส่ง ลดค่าใช้จ่าย ประหยัดเวลา และช่วยเพิ่มรายได้ให้ผู้ประกอบการมากขึ้น ขณะเดียวกันจะมุ่งส่งเสริมผู้ประกอบการให้นำระบบซอฟแวร์ ERP มาใช้ในการบริหารจัดการองค์กร ซึ่งซอฟแวร์ดังกล่าวจะสามารถลดต้นทุนการบริหารจัดการธุรกิจได้ เนื่องจากเป็นระบบที่มีการจัดเก็บฐานข้อมูลทุกอย่างไว้ที่เดียวกัน ไม่ว่าจะเป็นด้านตลาด บัญชี และบุคลากร ฯลฯ


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ